ดร.วิชัย พยัคฆโส [email protected] WEF หรือ World Economic Forum ได้ประกาศจัดอันดับประจำปี 2562 ปรากฎว่าไทยอันดับตกลงมา 2 อันดับ จาก 38 มาเป็นอันดับ 40 ในขณะที่สิงคโปร์แซงสหรัฐมาเป็นอันดับ 1ของโลกด้านการแข่งขันระหว่างประเทศ 140 กว่าประเทศ ดูในรายละเอียดของปัจจัยด้านการแข่งขัน พบว่าประเทศไทยหลายปัจจัยไดอันดับที่ดี เช่น การสาธารณสุขและด้านการเงิน มีความแข็งแกร่งอยู่ในอันดับต้นๆของโลก แต่การแข่งขันต้องดูหลายๆปัจจัยประกอบกัน ซึ่งคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้วิเคราะห์นำเสนอรัฐและเร่งรัด เพื่อพัฒนา 4 เรื่องใหญ่ๆ ได้แก่ 1.โครงสร้างพื้นฐาน เรื่องนี้ไทยมีนโยบายที่จะเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางบก เรือ และอากาศ กับทั้งมีแผนจะยกระดับโครงสร้างพื้นฐานในอีก 4-5 ปี ข้างหน้า เชื่อว่าโอกาสไทยจะขยับอันดับเพิ่มจากปัจจัยนี้ 2.ทักษะแรงงาน เรื่องนี้เป็นภาระกิจของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมทั้งกระทรวงแรงงาน ทางด้าน กระทรวง อว. มีแผนพัฒนาคนในชาติให้มีทักษะรองรับทุนมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 อยู่แล้ว ส่วนกระทรวงศึกษาธิการยังไม่ขยับเรื่องคุณภาพของคนให้เห็นชัดเจน รวมถึงกระทรวงแรงงานที่จะยกระดับฝีมือแรงงานด้วย มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ที่ค่อยๆพัฒนา แต่ไม่ได้รับการยอมรับจากฝ่ายลูกจ้างเท่าที่ควร 3.การทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นปัญหาระดับชาติยังคงมีอยู่ และยังมีข่าวทุจริตกันอยู่เนืองๆในวงการของรัฐ คงเป็นเรื่องยากที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในภาครัฐ ให้ละเลิกการทุจริตคอร์รัปชั่น คงต้องใช้เวลาอีกยาวนาน 4. ลดช่องว่างการแข่งขันภายในประเทศ ยังคงมีอยู่จากบริษัทขนาดใหญ่ กับ SMEs ที่ยังคงรวยกระจุกจนกระจายกันอยู่ ทำอย่างไรคนตัวเล็ก พวก SMEs จะขยับขึ้นมาเทียบกับยักษ์ใหญ่ที่กวาดการค้าและธุรกิจของระเทศ รัฐคงต้องสนับสนุน SMEs อีกต่อไป จะเห็นได้ว่าการแข่งขันของประเทศตามที่องค์การโลก เช่น WEF ประกาศ เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก อันดับของไทยควรจะกระเตื้องขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้ามีแผนพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งหากการเมืองไทยนิ่ง มีเสถียรภาพมากกว่านี้ และเดินตามยุทธศาตร์ชาติ ด้วยการปฏิรูปหน่วยงานของรัฐและพัฒนาชาวฐานรากของประเทศให้ยืนอยู่ได้ เชื่อว่าไทยยังคงนำเวียดนามที่จี้มารดต้นคอไทยทุกปี ขอให้รัฐบาลทำหน้าที่เร่งรัดและพัฒนาต่อไป เขื่อว่าคงมีโอกาสลดอันดับจาก 40 ไปเป็น 30 ได้บ้าง เช่นเดียวกับสิงคโปร์และญี่ปุ่น ที่ติด 10 อันดับโลกในปีนี้ พ.ร.บ.งบประมาณปีนี้คาดว่าฝ่ายค้านคงต้องดูว่ากระทรวงใดงบพัฒนามากน้อยเพียงใด มิใช่จ้องแต่จะจับผิดและปรับลดงบประมาณการพัฒนาลง บางกระทรวงงบประมาณมากก็จริง แต่เป็นงบเดือนเป็นงบประจำเสียมากกว่า ส่วนงบประมาณด้านการพัฒนามีน้อยนิด เช่น กระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พยายามเอาใจใส่ปรับลดงบประมาณของตนเอง เช่น งดการเดินทางไปดูงานต่างประเทศ ลดการอบรมสัมนาที่เหมือนๆเดิมลงไป เอางบประมาณไปใส่การพัฒนาคุณภาพ น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดี เชื่อว่าจะทำให้คุณภาพการศึกษามีโอกาสกระเตื้องขึ้นบ้าง