ปัญหาระหว่างผู้ประกอบการแท้กซี่ระบบดั้งเดิมกับผู้ประกอบการบริการคมนาคมด้วยรถยนต์แบบแชร์กันที่ดำเนินงานผ่านแอพพลิเคชั่นทาง IT เช่น “อูเบอร์” เป็นปรากฏการณ์หลีกเลี่ยงไม่พ้นที่สังคมไทยจะต้องเผชิญ อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นปัญหาใหม่ คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจึงควรสุขุมรอบคอบ จัดการปัญหาด้วยสติปัญญา อย่าให้เกิดปัญหารุนแรง เรื่องนี้เป็นเพียงตัวอย่างปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นอีกหลาย ๆ ด้าน “รัฐ” ไทยซึ่งเหมือนกรรมการผู้ตัดสิน ผู้กำกับควบคุมการประกอบธุรกิจ จึงต้องเร่งปรับตัว มองไกลไปข้างหน้า คาดการณ์ปัญหาก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตบานปลาย และนอกจาก “รัฐ” ไทยต้องปรับตัวแล้ว พลเมืองไทยเองก็ควรเรียนรู้ มองเห็นความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่กำลังจะทำให้ระบบการบริหารจัดการ การบริการอะไร ๆ แบบเดิม ๆ เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงด้วย เพราะสิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้น มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ใครไม่ปรับเปลี่ยนตัวเอง ถึงที่สุดก็จะค่อย ๆ หมดบทบาทไปในที่สุด ปัญหาอยู่ที่ว่ากระบวนการนั้น ๆ จะกินเวลายาวนานเพียงใดเท่านั้นเอง อูเบอร์ (Uber) เป็นรูปแบบธุรกิจการให้บริการที่เป็นทางเลือกใหม่ในการใช้บริการรถยนต์ขนส่งสาธารณะ Uber เปลี่ยนการโบกรถตามถนนมาเป็นการเรียก Uber ด้วย Smartphone ผ่านแอปพลิเคชัน (Application) ให้มารับ ผู้ใช้บริการเพียงแต่สมัครเข้าระบบการเรียกใช้บริการ หลังจากนั้นจะต้องเปิดพิกัด GPS ระบบของ Uber จะค้นหา “ผู้ให้บริการที่อยู่ใกล้ที่สุด” และจัดคิวมารับ ซึ่งผู้ใช้บริการจะทราบว่าผู้ให้บริการ (คนขับ Uber) คันนั้นคือใคร รถกำลังอยู่ที่ไหน และสามารถตรวจสอบดูราคาล่วงหน้าผ่าน Application ได้ว่าจากต้นทางไปยังปลายทางต้องจ่ายเงินเท่าไรโดยหักจากบัตรเครดิตไม่ต้องใช้เงินสด เป็นนวัตกรรมที่ทันสมัย บริการคมนาคมด้วยรถยนต์แบบแชร์กัน (เชื่อมโยงด้วยแอพ) เช่น UberX, Lyft, Sidecar กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในต่างประเทศและในประเทศ แต่บริษัทเหล่านี้ก็ต้องเผชิญกับการต่อต้าน , ความขัดแย้ง และปัญหาด้านกฎเกณฑ์และกฎระเบียบต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน เนื่องจากทางการเริ่มมองว่าบริการเหล่านี้ทำตัวคล้ายบริษัทขนส่งสาธารณะ (transport network company) ที่ต้องถูกกำกับดูแล ในปัจจุบันระบบบริการคมนาคมด้วยรถยนต์แบบแชร์กัน (เชื่อมโยงด้วยแอพ) กำลังต่อสู้กับปัญหาการประท้วงต่อต้านของบรรดาคนขับแท็กซี่ และผู้โดยสารในหลายประเทศ มิได้มีปัญหาพาะในประเทศไทยเท่านั้น ที่น่าสนใจคือการที่ Uber สามารถเข้าไปดำเนินงานในสาธารณรับประชาชนจีนได้ ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นนี้ จึงเป็นปัญหาสาธารณะที่สังคมไทยต้องหาทางออกที่เหมาะสมถูกต้องที่สุดให้คนสามกลุ่ม คือ ผู้ให้บริการแท็กซี่ในระบบเดิม กับผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการในระบบ Uber และผู้ปฏิบัติงานการบังคับใช้กฎหมาย รัฐบาลต้องเร่งงานมากกว่านี้ การซื้อเวลาไปเป็นหนึ่งปีนั้น นานเกินไป อย่าลืมว่า คนไทยต้องก้าวหน้าไปด้วยกัน อย่าทะเลาะกัน เพราะปัญหาความขัดแย้งระหว่างระบบเก่ากับระบบใหม่ยังจะมีตามมาอีกมาก เราจำเป็นต้องร่วมมือกันบริหารจัดการอย่างเหมาะสม