เสรี พงศ์พิศ www.phongphit.com คงไม่ใช่เพียงความคิดหวัง (wishful thinking) แบบคนมีเวลาว่างหลังวัยเกษียณ แต่ใครที่ติดตามการเปลี่ยนแปลงในระยะสิบปีที่ผ่านมาคงนึกไม่ถึงว่า สังคมได้เปลี่ยนไปมากมายขนาดนี้ เหลียวดูสิบปีที่ผ่านมา แล้วแลหน้าอีกสิบปีต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีความพยายามแปลลักษณะการเปลี่ยนแปลงนี้จากภาษาอังกฤษว่าแบบ “ก้าวกระโดด” (exponential) คือเร็วมากอย่างคาดไม่ถึง และเป็นการเปลี่ยนที่ “ถอนรากถอนโคน” “หักดิบ” “กลืนกินของเก่า” “เปลี่ยนดับ” (disruptive) แล้วแต่ใครจะใช้คำไหนเพื่อบรรยายให้เห็นภาพมากที่สุด มักยกตัวอย่างของภาคธุรกิจที่เปลี่ยนไม่ทัน ถดถอยหรือดับไป อย่างไอบีเอ็มที่เคยเป็นเจ้าคอมพิวเตอร์ แทบจะผูกขาดแต่เพียงผู้เดียว วันดีคืนร้าย คนเล็กๆ จำนวนมากคิดประดิษฐคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กขนาดจิ๋วเต็มไปหมด จนไอบีเอ็มแทบจะเหลือแต่ชื่อ หรือฟิล์มโกดัก กล้องโกดักที่ยิ่งใหญ่ แทบจะผูกขาดฟิล์มถ่ายรูป แม้ว่าจะเป็นต้นคิดเรื่องการถ่ายภาพแบบดิจิทัลเอง แต่ไม่พัฒนาต่อ ยังหลงตัวเองว่ายิ่งใหญ่ ไม่มีทางที่การถ่ายรูปแบบใหม่จะมาแทนได้ สุดท้ายโกดักที่มีพนักงานกว่าแสนคน มีกำไรกว่าหมื่นล้านบาทต่อปีต้องล้มละลายเพราะตามโลกไม่ทัน ที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดอีกเรื่อง คือโทรศัพท์มือถือ ซึ่งบริษัทสื่อสารอเมริกันเมื่อปี 1985 ให้มีการวิจัยว่า ในปี 2000 จะมีการใช้มือถือในอเมริกาเท่าไร บริษัทวิจัยมืออาชีพได้ผลออกมาเสนอ AT&T ว่า จะมีประมาณ 900,000 เครื่อง ในปี 2000 ปรากฎว่าที่อเมริกามีมือถืออยู่ 109 ล้านเครื่อง การเปลี่ยนแปลงไม่ได้หยุดแค่นั้น พัฒนาเป็นสมาร์ทโฟน เกิด “แอป” มากมาย เมื่อผนึกกันเข้าทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด และแบบกลืนกินของเก่า หรือหักดิบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ใครจะนึกว่ามีอูเบอร์ มีแกร็บ ซึ่งไม่มีรถยนต์เอง แต่มีเป็นหลายล้านคัน หรือ Airbnb ที่ไม่มีโรงแรมเอง แต่มีห้องพักแสนเป็นล้านห้องทั่วโลก เพียงแค่มีเครื่องมือเชื่อมคนเล็กๆ ทั่วโลกได้ ธุรกิจก็เกิด พลังก็เกิด กลืนกินธุรกิจใหญ่แต่วิธีคิดเก่าให้ดับสลายตายไป ใครจะคิดว่า คนเล็กๆ บ้านนอกคนหนึ่ง ที่ร้องเพลงบันทึกเสียงลงยูทูป คนฟังชอบ ส่งต่อเป็นแสนเป็นล้าน กลายเป็นนักร้องยอดนิยม โดยไม่ต้องไปสังกัดค่าย และคนเล็กๆ อีกเป็นแสนเป็นล้านที่มี “ทีวี” ของตนเอง “หนังสือพิมพ์” ของตนเอง โดยมีแค่สมาร์ทโฟนเครื่องเดียว แต่สื่อสารกับคนทั่วโลกได้ ถ่ายทอดสดอีกต่างหาก ทำเพจ ทำเฟสเป็นร้านค้าเอง ขายของเอง ส่งอาหารเอง โดยไม่ต้องไปเช่าที่ที่ไหน ในอดีตเมื่อร้อยกว่าปีก่อน มีคนคิดหา “ตัวเชื่อม” คนเล็กๆ ชาวบ้าน คนยากคนจน กรรมกร ชาวนา โดยก่อตั้งสหกรณ์ ซึ่งมีทั้งออมทรัพย์และอื่นๆ เพื่อเป็น “ทางเลือก” ที่คนจนเป็นเจ้าของธนาคารเอง ร้านค้าเองได้ถ้าร่วมมือกัน เป็นพลังของคนเล็กๆ แบบโบราณ ที่ยังใช้ได้จนถึงทุกวันนี้ สหกรณ์ สหภาพแรงงาน สหภาพในองค์กรต่างๆ ถูกเชื่อมโยงด้วย “อุดมการณ์” ที่ทำให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกันในหมู่สมาชิก เป็นภูมิคุ้มกันจากการเอารัดเอาเปรียบ กดขี่ข่มเหงจากนายจ้างนายทุน ผู้มีอำนาจทางสังคมเศรษฐกิจการเมือง แต่สำคัญด้วยว่ามีเทคโนโลยีอะไรมาเชื่อมสมาชิกเครือข่าย สงครามกลางเมืองสหรัฐเมื่อ 150 กว่าปีก่อนที่ “ฝ่ายเหนือ” นำโดยอาบราอัม ลินคอล์น ชนะเพราะใช้ “โทรเลข” ในการสื่อสารซึ่ง “ฝ่ายใต้” ไม่มี วันนี้ การสื่อสารเป็นอะไรมากกว่า “โทรเลข” หากเป็นข้อมูลความรู้ที่มีพลัง สร้างแรงบันดาลใจ ดังขบวนการทางสังคมต่างๆ ในยุโรปวันนี้ที่มี “ตัวเชื่อม” ที่เป็นดิจิทัล จึงเห็นเป็นข่าวอยู่วันนี้ ที่มีการประท้วง การนัดหยุดงานในประเทศต่างๆ ในยุโรป พร้อมเพรียงและมีพลัง อย่างที่เกิดขึ้นที่ฝรั่งเศส กับเสื้อกั๊กเหลืองปีกลาย และรวมพลสหภาพปีนี้ ที่มีเครือข่ายไปทั่วยุโรป และพร้อมที่จะกดดันในระดับอียู รวมทั้งการประท้วงและนัดหยุดงานในอีกหลายประเทศ วันนี้คนไทย คนเล็กๆ หลายสิบล้านคนใช้สมาร์ทโฟนเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เพื่อสื่อสาร ดูรายการที่ชอบ หรือซื้อของ ยังเป็น “สื่อบุคคล” ที่ใช้ประโยชน์ “ส่วนตัว” เป็นหลัก แต่เมื่อไรที่คนเล็กๆ เหล่านี้ถูกเชื่อมด้วย “อุดมการณ์” ทางการเมือง และด้วยแนวคิดและวิธีการทาง “เศรษฐกิจ” ในลักษณะขบวนการประชาสังคมแบบใหม่ จะเกิดพลังทางการเมืองและทางเศรษฐกิจอย่างยิ่งใหญ่ เพราะจะเป็น “มวลชน” ที่มีพลังมหาศาล ทศวรรษใหม่นี้ เกษตรอินทรีย์จะมีอนาคต เพราะการค้าขายของคนเล็กๆ ที่ทำเล็กๆ นำมารวมกันได้ด้วย “ตัวเชื่อม” ที่ก้าวข้ามพรมแดนประเทศไทยไปสู่โลก เรื่องสารเคมีสารพิษอาจเกิด “ปรากฎการณ์โกดัก” เพราะเทคโนโลยีใหม่ สตาร์ทอัพมากมายจะนำมาซึ่งทางเลือกใหม่ คล้ายรถไฟฟ้าที่กำลังดับธุรกิจรถแบบเก่า ดับธุรกิจน้ำมัน ลดมลพิษในอากาศ ที่สุด การเมืองไม่อาจปฏิเสธสนับสนุนเกษตรอินทรีย์ได้ นอกนั้น ขบวนการต่อสู้และฟ้องร้องธุรกิจเจ้าของสารพิษจะเป็นขบวนการใหญ่ของคนเล็กๆ ข้ามชาติที่ผนึกพลังสานกันเป็นเครือข่าย กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่อาจไปถึง “ศาลโลก” ถ้าถือว่าร้ายแรงเป็น “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” นักธุรกิจ นักการเมือง รัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์และรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง ย่อมไม่คิดแต่จะหาทาง “ครอบงำ” ด้วยอำนาจแบบเก่าๆ อีกต่อไป เพราะโลกเปลี่ยนไปแล้ว อำนาจของคนเล็กๆ ที่จะรวมกันด้วย “อุดมการณ์ใหม่” ด้วย “แอปการเมือง “แอปเศรษฐกิจ” ใหม่ จะกลืนกินและหักดิบอำนาจเก่าอย่างแน่นอน