เสรี พงศ์พิศ www.phongphit.com ไทยมีนักท่องเที่ยวเกือบ 40 ล้านคน กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่คนมาเยี่ยมชมมากที่สุดในโลกกว่า 22 ล้านคนในปี 2019 คงมีหลายสาเหตุปัจจัยที่ทำให้คนมาเที่ยวมากมายขนาดนั้น สำคัญหนึ่งในนั้นคงเป็นเรื่อง “ค่าใช้จ่าย” ที่ถูก ที่พัก อาหาร การเดินทางที่ไม่แพง และพึ่งพาทัวร์จีนเป็นหลัก ตอนนี้ก็เริ่มเห็นผลกระทบแล้วว่า เมื่อเกิดปัญหาโรคระบาดขนาดนี้ การท่องเที่ยวไทยจะไปอย่างไร ถ้าคิดถึงแต่ปริมาณ รายรับกว่า 2 ล้านล้านบาทจากการท่องเที่ยว คงปล่อยให้มีแต่การจัดการท่องเที่ยวแบบเดิมๆ ที่เน้นท่องเที่ยวหมู่ (mass tourism) ที่พาไปเที่ยวไปชม และซื้อของเป็นหลักกันต่อไป ทั้งๆ ที่ไทยมีศักยภาพสูงมากที่จะพัฒนา “การท่องเที่ยวสุขสันต์” (wellness tourism) การท่องเที่ยวสุขสันต์ที่ผ่านมาอาจคิดถึงแต่การท่องเที่ยวสุขภาพ การไปโรงพยาบาล ไปหาหมอ สปา อาบน้ำแร่แช่น้ำร้อน นอนโคลน ฝึกโยคะ ทำสมาธิ และอื่นๆ อย่างที่คนต่างชาติจำนวนหนึ่งมาเมืองไทยเพราะการรักษาพยาบาลดี มีคุณภาพและราคาไม่แพง แต่การท่องเที่ยวสุขสันต์ทั่วโลกได้ขยายไปกว่านี้มาก และมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี เพิ่มสูงกว่าการท่องเที่ยวแบบเดิมหลายเท่า สถาบันสุขสันต์โลก (Global Wellness Institute) คาดการณ์ว่า ไม่นาน การท่องเที่ยวสุขสันต์ทั่วโลก จะทำรายได้กว่า 1 ล้านล้านเหรียญ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนที่ไปท่องเที่ยวแบบนี้ส่วนใหญ่มีฐานะดี และโปรแกรมราคาแพง แต่คนทั่วไปที่ไม่รวยก็ไปท่องเที่ยวสุขสันต์กันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่จำเป็นต้องแพง แต่ทำให้ไปเที่ยวแล้วมีความสุข ได้กินอาหารดีต่อสุขภาพ ได้อากาศบริสุทธิ์ ได้ทำกิจกรรมดีๆ ต่อสุขภาพกายใจ ได้ทำอะไรมากกว่านั่งๆ นอนๆ ริมทะล หรือไปเที่ยวชมสถานที่และซื้อของ การจัดการท่องเที่ยวสุขสันต์วันนี้จึงเป็นการให้โอกาสนักท่องเที่ยวได้ไปขยายความปรารถนาเพื่อชีวิตดี สุขภาพดี วิถีชีวิตที่ทำอยู่ที่บ้านหรืออยากทำให้เป็นจริงมากกว่าเดิม โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพที่มีลักษณะเป็นองค์รวมมากกว่าแค่กินยาหาหมอ เมืองไทยมีสิ่งดีๆ เพื่อการท่องเที่ยวสุขสันต์มากมาย และคงเป็นเพราะเหตุนี้กระมังที่เป็นเสน่ห์ให้คนมาเที่ยวมาก ไม่เพียงเพราะราคาถูกเท่านั้น แต่มาแล้ว “สนุก” และ “มีความสุข” เพราะประเทศที่ค่าใช้จ่ายถูกกว่าไทยมีมากมาย แต่เลือกมาเที่ยวเมืองไทย เพราะที่นี่มีอะไร “ดีๆ” มากกว่า อย่างมาเมืองไทยได้กินอาหาร “ข้างทาง” (street food) ที่ได้รับการยกย่องว่า “ยอดเยี่ยม” ที่สุดในโลก ราคาอาหารไม่ว่าข้างทางหรือในร้านก็ถูกมาก อาหารไทยเองก็มีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆ ของโลกอยู่แล้ว สารคดี Netflix เรื่อง Street Food ยังยกให้ “เจ๊ไฝ” เป็นหมายเลขหนึ่ง ทำสารคดีชีวิตของหญิงวัย 78 ที่มิชลินให้ดาว ที่ยังทำอาหารอย่างมีความสุข และคนเข้าคิวรอกินเป็นชั่วโมงถึงดึกดื่นทุกวัน ในบทความ “สุดยอดภูมิปัญญาไทย” ในสยามรัฐ 12 กันยายน 2018 ผมได้เขียนว่า มีอย่างน้อย 4 อย่างที่ทำให้ไทยเป็นที่รู้จักและชื่นชมไปทั่วโลก คือ อาหารไทย มวยไทย นวดไทย และการทำสมาธิ วันนี้อยากเพิ่มอีก 1 อย่างที่สำคัญที่สุด คือ คนไทยเอง เพราะขาดสิ่งนี้ 4 อย่างที่ว่านั้นอาจลดหรือหมดเสน่ห์ก็เป็นได้ “คนไทย” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแต่พียงปัจเจกบุคคลเท่านั้น แต่รวมไปถึงชุมชน และวิถีชีวิตวัฒนธรรมไทย ที่เป็นมิตรกับคนต่างชาติ ต้อนรับขับสู้ ยิ้มเก่ง เอาใจเก่ง เกรงใจ ให้บริการดี นี่เป็นพื้นฐานความสัมพันธ์ที่คนทั่วโลกขาดและโหยหา สังคมวันนี้มีเครื่องมือสื่อสารมากมายและสื่อกันง่ายดายมาก แต่ผู้คนโดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้วยังรู้สึกโดดเดี่ยว เหงา และเป็นทุกข์เพราะอยู่คนเดียว หรือแม้แต่อยู่ร่วมกับคนอื่น ที่บ้าน ที่ทำงาน เดินตามถนน บนรถเมล์ก็ยังโดดเดี่ยว เพราะขาด “ความสัมพันธ์” การท่องเที่ยวสุขสันต์ตอบสนองความต้องการที่ขาดหายนี้ได้ถ้าจัดการให้ดี ทำให้คนไปเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ไม่ใช่ “ลูกค้า” แต่เป็นญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมโลก เพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข ทำอย่างไรให้คนไปเที่ยวชุมชนได้รู้สึกในน้ำใจไมตรีนี้ ให้พวกเขาร่วมกิจกรรมทางสังคมวัฒนธรรมตามฤดูกาล ได้ไถนา ดำนา เกี่ยวข้าว นวดข้าว ทำสวนทำไร่ ได้ร่วมทำบุญที่วัด ทอดกฐิน ผ้าป่า กินข้าวกินปลา ไปพูดคุยกับพระสงฆ์องค์เจ้า ไปทำสมาธิ ไปโรงเรียนได้พบครู นักเรียนบ้าง ได้เล่าเรื่องราวดีๆ ของบ้านเมืองของตนให้เด็กๆ ฟัง แม้แต่เมืองใหญ่ก็จัดทัวร์ให้มีกิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างนักท่องเที่ยวกับชุมชนได้ เพียงแต่ว่า ไม่ว่าจัดที่ไหนก็อย่าได้บิดเบือน (manipulate) วิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อเห็นแก่รายได้อย่างเดียว เพราะนั่นจะทำให้การท่องเที่ยวสุขสันต์กลายเป็นท่องเที่ยวแบบเดิม (conventional tourism) ทำให้ของจริงกลายเป็นของปลอม หรือทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของสูง (sacred) กลายเป็นของต่ำ (profane) ไป อย่างกรณีผีตาโขน และเอาวัฒนธรรมความเชื่อท้องถิ่นต่างๆ มา “ขาย” เพียงเพื่อให้คนได้ “ชม” ของแปลกหูแปลกตา การท่องเที่ยวแบบเดิมคงถึงเวลาอิ่มตัว ขณะที่การท่องเที่ยวสุขสันต์กำลังเป็นทางเลือกใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แม้รายได้ยังเป็นเป้าหมายสำคัญ แต่ความสัมพันธ์ที่ดีต้องเป็นหัวใจของท่องเที่ยวนี้ ที่จะทำให้เกิดมิตรภาพใหม่ ได้ความสุขทั้งกายใจให้เจ้าบ้านและผู้มาเยือน