แสงไทย เค้าภูไทย กทม.โล่งใจ มีแนวโน้มจะยุติการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ในระยะเวลาสั้นกว่าที่คาดการณ์ เมื่อแรงงานจากกรุงเทพฯและปริมณฑลกลับภูมิลำเนาเดิม ขณะที่หลายสนามบินนานาชาติพากันปิดรับผู้โดยสารขาเข้า เพราะพบว่าเป็นตัวการนำเข้าผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตัวสำคัญ การที่โควิด-19 ระบาดในไทยจนมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งเช่นนี้ เส้นทางแพร่เชื้อที่สำคัญที่สุดคือมาจากต่างประเทศ ก่อนหน้านี้เป็นนักท่องเที่ยวจีนมาช่วงตรุษจีน จำนวนกว่า 2 แสนคน ล่าสุด มีหลักฐานยืนยันว่าคนไทยไปอิตาลี ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในอิตาลี นำกลับมาแพร่ในสนามมวยลุมพินี เมื่อ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา เหตุนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมการเดินทางระหว่างประเทศ จึงได้เสนอให้รัฐบาลปิดรับผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้าไทย เพื่อสกัดกั้นการนำเข้าเชื้อไวรัสโดยเด็ดขาดเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่รัฐบาลยังเชื่อมั่นในระบบตรวจวัดคัดกรองผู้โดยสาร จึงไม่ยอมปิด ทั้งๆที่หลายประเทศเริ่มตัดขาดการมาเยือนของชาวต่างชาติตามอิตาลี สเปน เยอรมนี สหรัฐฯแล้ว ล่าสุด ฮ่องกงประกาศ ปิดรับผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่ 25 มี.ค. นี้เป็นต้นไปจนกว่าการระบาดจะสิ้นสุด ส่วนคนที่จะเข้ามาได้ จะต้องถูกกักตัวจนพ้น 14 วัน เมื่อตรวจไม่พบเชื้อในร่างกาย จึงอนุญาตให้เข้าได้ ด้านสายการบิน เมื่อวันจันทร์ แอร์เอเชียประกาศหยุดบินระหว่างประเทศ เพื่อระงับการนำผู้โดยสารติดเชื้อไวรัสเข้าสู่ประเทศปลายทางเช่นกัน สำหรับมาตรการของไทย คือ ปิดบ้าน (lock down) กรุงเทพฯ แหล่งกระจายเชื้อไวรัสชุกชุมที่สุด ทำให้แรงงาน ทั้งไทย และ ต่างด้าวพากันอพยพกลับบ้านเกิดกันเป็นแถว จนสธ.กังวลว่าจะนำเชื้อไวรัสไปแพร่ เพิ่มจำนวนผู้ป่วยในต่างจังหวัดมากขึ้น จึงกำชับให้ทางจังหวัดคัดกรอง และ กักตัวผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ 14 วัน แบ่งเบาภาระรพ.ส่วนกลางไปได้กว่าครึ่ง แรงงานเหล่านี้ เป็นประชากรแฝงของกทม.และปริมณฑลเข้ามาเพิ่มจำนวนประชากรให้กรุงเทพฯ จาก 5.5 ล้านคนเป็น 7.7 ล้านคนในขณะนี้ เมื่อรัฐบาลล็อคดาวน์กรุงเทพฯและปริมณฑลตามอย่างจังหวัดใหญ่ๆหลายจังหวัดประชากรแฝงในกรุงเทพฯ ไม่เข้าใจในมาตรการ คิดว่าเมื่อปิดเมือง ปิดสถานบันเทิง สถานที่ที่มีการชุมนุมรวมทั้งร้านอาหารนั่งกิน ร้านค้าต่างๆพากันปิด ไม่มีงานทำ พวกเขาจึงจำเป็นต้องกลับบ้านเกิด แค่วันเดียวมีการเดินทางออกจากสถานีขนส่งต้นทางที่กรุงเทพฯวันละกว่า 80,000 คน นอกจากแรงงานไทยแล้ว แรงงานต่างด้าวก็พากันกลับบ้านเมืองของตนนับแสนคน ด้วยเหตุผลนายจ้างหยุดกิจการและกลัวติดเชื้อไวรัส แรงงานเหล่านี้ เป็นประชากรกลุ่มเสี่ยง เพราะเป็นคนหนุ่มสาว ร่างกายแข็งแรง ภูมิต้านทานสูง ทำงานที่ต้องสัมผัสกับผู้คน ลูกค้าบริการใกล้ชิด เสี่ยงติดเชื้อสูง บางคนติดเชื้อโดยไม่มีอาการ กลายเป็นพาหะเชื้อไวรัสไปสู่คนอื่นโดยไม่รู้ตัว ต่างจากประชากรชาวกรุงและปริมณฑล ที่ส่วนใหญ่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง มีความรู้สูง ไวต่อข่าวสารข้อมูล สามารถควบคุมตัวเอง ไม่เคลื่อนที่ ลดการเดินทาง อันเป็นสาเหตุในการติดเชื้อและเป็นพาหะแพร่เชื้อในกรณีที่ตัวเองติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว และที่สำคัญที่สุด กลุ่มคนพวกนี้ กลัวตาย ไม่กล้าออกมาเพ่นพ่านหาความตายใส่ตัว นี่คือจุดเปลี่ยนของการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา ในอันที่จะทำให้จำนวนเพิ่มคนป่วย คนตายลดลง ระยะเวลาในการระบาดสั้นลง อย่างไรก็ดี การที่ยังไม่ปิดการรับเครื่องบินขาเข้านอกเหนือจากที่มาจาก 4 ประเทศต้องห้าม จะเป็นการเปิดช่องทางให้ มีเชื้อแพร่เข้ามาเติม มีรายงานที่น่าตกใจ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สนามบินภาคใต้พบนักเดินทางชาวอิหร่าน ซึ่งเป็นชาติที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสและเสียชีวิตไม่ต่างไปจากชาติยุโรปถึง 4 คน แสดงถึงความหละหลวมของระบบป้องกันการเดินทางเข้าไทยจากชาติที่เชื้อแพร่ระบาดรุนแรง การล็อกดาวน์จึงมิใช่หมายความถึงปิดเฉพาะกรุงทพฯ เฉพาะคนไทยเท่านั้น หากแต่หมายถึงปิดการเคลื่อนย้าย เคลื่อนที่ การเดินทางของชาวต่างชาติในเมืองไทยด้วย ส่วนแนวโน้มว่า จะยุติลงเมื่อใดนั้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางระบาดวิทยาเห็นว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาของไทยลักษณะเป็นอิตาลีโมเดล คือขณะนี้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเกือบจะทวีคูณ จนเมื่อขึ้นถึงจุดสูงสุดคือ peak แล้วจะลดลง ขณะนี้อิตาลีมาถึงจุดพีคแล้ว ล่าสุดเมื่อวานนี้ จำนวนเพิ่มของผู้ป่วยเริ่มลดลง จนแนวโน้มจะเป็นขาลง คาดว่าประมาณ 2 สัปดาห์จะนิ่งแบบจีน ทั้งนี้เพราะ การล็อกดาวน์ ทั้งการปิดบ้านและปิดเมือง ตัดขาดการนำเข้าผู้ติดเชื้อจากนอกประเทศ ทำให้จำนวนผู้ป่วยใหม่ลดลง ขณะที่ผู้กำลังป่วยก็ลดลงด้วย ทั้งจากที่ตายไปและจากจำนวนผู้หายป่วย ของเราขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อน่าจะเพิ่มขึ้นไปสู่จุด peak ในราวกลางเดือนเมษายน ส่วนจะตายเป็นเบือแบบอิตาลีหรือไม่ เพราะจำนวนผู้ป่วยเริ่มมากจนเกินกำลังรับมือแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าคนไทยจะมีวินัย จำกัดการเคลื่อนที่ และเว้นระยะห่างระหว่างคนต่อคนแค่ไหน ถ้าคนไทยไม่มีวินัยกำกับตัวเอง ก็อาจจะต้องจำใจปล่อยให้ตายตามสบายสไตล์อิตาลีไป