การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรก ที่คัดผู้สมัครให้เหลือสองคนที่ได้คะแนนสูงสุด แล้วต่อไปผู้สมัครสองคนนี้ต้องแข่งขันกันเอง ผลออกมาว่าได้ผู้แข่งขันชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นผู้หญิงที่มีแนวคิดขวาจัดกับผู้ชายที่มีแนวคิดขวากลาง เพียงแค่นี้ก็เกิดการประท้วงกันขึ้นในฝรั่งเศส และการประท้วงในยุโรปก็มักจะต้องมีการเผารถยนต์กัน เผากัน ทำลายสิ่ ของกันทำไม ก็ไม่รู้ ? รู้แต่ว่าเรื่องทำนองนี้จะขยายไปถึงทั่วโลก ปัญหาใหม่ที่สังคมประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ขณะนี้คือ แนวโน้มความเสื่อมศรัทธาต่อสถาบันทางสังคม โดยเฉพาะทางด้านการเมือง (ระบบเลือกตั้ง) เศรษฐกิจ (ภาคการเงิน) และวัฒนธรรม (สถาบันสื่อสารมวลชน) อาการเสื่อมศรัทธานี้จะทำให้มนุษย์ขาดความไว้วางใจกันและกันมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็ส่งผลให้ขาดความอดทนขาดวินัย ต่อต้านทุกอย่างที่ตนไม่ชอบในอดีต ปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่เป็นพื้นฐานให้สังคมจะสงบและเจริญงอกงามคือ “ความไว้เนื้อเชื่อใจ”กันของคนในสังคม/ชุมชน “ความไว้เนื้อเชื่อใจ” ทางสังคมมีสองลักษณะ ได้แก่ ความไว้เนื้อเชื่อใจแบบทั่วไป (Generalize Trust) กับ “ความไว้วางใจกันแบบเฉพาะเจาะจง” ความไว้เนื้อเชื่อใจกันแบบทั่วไปของคนในสังคมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเป็นพื้นฐานที่จะทำให้สังคมโดยรวมสามารถเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน เกิดความร่วมมือร่วมใจกันพัฒนา เสริมสร้างความสามัคคี มิติแรก การขาดความไว้เนื้อเชื่อใจแบบทั่วไปทำให้การประสานงานล้มเหลว (coordination failure) ในเกือบจะทุกระดับของสังคมไทย ประเทศไทยเดินหน้าไม่ได้ถ้าเราไม่สามารถแก้ไขปัญหาความล้มเหลวของการประสานงานได้อย่างเป็นรูปธรรม มิติที่สอง เราคงต้องคิดว่าจะปรับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างไร ที่จะทำให้คนไทยไม่เห็นแก่ตัวเพิ่มขึ้นเมื่อรวยขึ้น เรามีตัวอย่างจำนวนมากของคนที่ยิ่งรวย ยิ่งโกง ยิ่งเห็นแก่ตัว ถ้าปล่อยไว้เช่นนี้แล้ว เศรษฐกิจไทยจะเปราะบางมาก พร้อมที่จะเกิดวิกฤติล้มลงได้ง่าย ความเห็นแก่ตัวเป็นรากฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจทุนนิยม แต่ความโลภและความเห็นแก่ตัวที่เกินควรก็ทำให้ระบบทุนนิยมพังได้เช่นกัน มิติที่สาม ซึ่งเป็นมิติที่สำคัญมาก การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและสถาบันจะต้องเริ่มที่ผู้นำ ผู้นำจำนวนมากในสังคมไทยปัจจุบันที่เราไม่รู้ว่าจะเชื่อถือได้อย่างไร หลายคนยิ่งรวย ยิ่งขี้โกง หลายคนเจตนาพูดโกหกอ้างว่าเป็น ไวท์ไลน์ หรือเจตนาพูดไม่หมดเพื่อให้คนหลงเชื่อคล้อยตาม “ความไว้วางใจกันแบบเฉพาะเจาะจง” เป็นเรื่องเฉพาะกลุ่ม เฉพาะพวก มีการเกื้อคประโยชน์กันในวงจำกัด ความไว้เนื้อเชื่อใจแบบเฉพาะเจาะจงรุนแรงขึ้นในสังคมไทย ย่อมส่งผลให้คนเห็นแก่ตัวและเห็นแก่พวกพ้องมากกว่ามองถึงสังคมโดยรวม ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมทั่วโลกคือ ผู้คนส่วนใหญ่นิยมความไว้เนื้อเชื่อใจเฉพาะพวกพ้องมากกว่าความไว้เนื้อเชื่อใจแบบทั่วไป “สถาบันทางสังคม” แบบดั้งเดิมกำลังถูกกัดกร่อนจากการขาดความไว้เนื้อเชื่อใจกันแบบทั่วไป อย่ามองข้ามวิกฤตินี้ เพระมันเป็นปรากฏการณ์ที่งอกขึ้นจากราก “ความไม่ไว้วางใจต่อกันและกัน” ของมนุษยชาติ