เสรี พงศ์พิศ www.phongphit.com ในหลายประเทศ มีการแพร่แนวคิดที่ว่า โควิด-19 เป็นเรื่องโคมลอย ข่าวปลอม ข่าวปล่อย เป็นการโกหกเพื่อหวังผลทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ มีคนจำนวนไม่น้อยเชื่อ และมีผลทำให้เกิดการเดินขบวน การประท้วงในหลายประเทศ เกิดการต่อต้านมาตรการของรัฐบาลในการแก้ปัญหาโรคระบาด ทฤษฎีสมคบคิดถูกใช้ทางการเมืองระหว่างประเทศ อย่างกรณีสหรัฐอเมริกากับจีนที่กล่าวหากันเรื่องที่มาของไวรัส ผู้แพร่โรคนี้ให้เป็นเครื่องมือบ่อนทำลายอีกฝ่ายหนึ่ง แต่เพราะหลักฐานไม่ชัดเจน ไม่หนักแน่นพอ สุดท้ายแนวคิดเหล่านี้ก็หายไป ทฤษฎีสมคบคิดถูกนำไปโยงกับการเมือง ที่ร่วมขบวนประท้วงอย่างที่เยอรมนี สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ และหลายประเทศ อ้างว่าละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ ใช้มาตรการที่เข้มงวดเกินความจำเป็น อย่างการบังคับให้สวมหน้ากากอนามัย เดินไปไหนมาไหนเหมือนซอมบี้ ทฤษฎีสมคบคิดมีมากมายหลายทฤษฎี มีองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเผยแพร่อย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ อย่าง QAnon ที่สหรัฐอเมริกา กลุ่มขวาจัดที่มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ มีผู้ติดตามจำนวนไม่น้อย นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาสวมรอยรับทฤษฎีสมคบคิดหลายอย่างเพื่อหวังผลทางการเมือง หวังคะแนนคนที่ทนไม่ได้กับมาตรการเข้มงวดของรัฐต่างๆ ลำบากยากเข็ญ ไม่มีรายได้ ตกงาน ผู้ติดตามและเชื่อทฤษฎีสมคบคิดใหญ่ในอเมริกาสนับสนุนนายทรัมป์ ยกให้เป็นผู้ที่จะมากอบกู้วิกฤติอันเกิดจากการเมืองที่ตอบโต้โควิดแบบทำลายล้าง ทำให้ผู้คนอดตาย แอบมาเหมือนนักรบในม้าเมืองทรอย ที่ประเทศเยอรมนี มีการเดินขบวนที่กรุงเบอร์ลิน ประท้วงมาตรการของรัฐเกี่ยวกับโควิด-19 ผู้ประท้วงประมาณ 20,000 คน มาจากหลายกลุ่มปะปนกันหมด รวมไปถึงกลุ่มการเมืองขวาจัดหัวรุนแรงที่ผสมโรงด้วย มีการสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดทฤษฎีสมคบคิด คิดว่าโดนรัฐบาลหลอก คิดว่าเป็นแนวคิดแบบฟาสซิสต์ที่ต้องการควบคุมสถานการณ์บ้านเมือง ปิดบังปัญหาต่างๆ ขัดเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลคงไม่ได้ตกใจกับการประท้วงที่มีผู้ออกข่าว (ปลอม) ว่ามีคนเข้าร่วม 1.5 ล้านคน พร้อมกับนำภาพตัดต่อ ภาพเก่าภาพปลอมมาอ้างในการแพร่ข่าวทางโซเชียลมีเดีย ที่น่าห่วง คือ การระบาดของโควิดมากกว่า เพราะผู้ประท้วงไม่มีใครสวมหน้ากากอนามัย หรือถือระยะห่าง ถ้าหากไม่นานหลังจากนี้ ตัวเลขคนติดเชื้อที่เยอรมนีพุ่งสูง กระจายไปทั่วประเทศอีกรอบก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องมีมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งเป็นแน่ ทฤษฎีสมคบคิดมีหลายทฤษฎี บ้างก็ว่าเป็นแผนการล้างโลกด้วยการปล่อยเชื้อโรคให้ระบาดอย่างร้ายแรงและรวดเร็ว บ้างก็อ้างว่า เป็นแผนของนายบิลล์ เกต ที่หวังรวยจากการพัฒนาวัคซีนและยา ที่มูลนิธิของเขาให้การสนับสนุนหลายแห่ง มีผู้นำระดับสูงของศาสนจักรคาทอลิกหลายท่านในเยอรมนี อิตาลี และบางประเทศในยุโรปสนับสนุนทฤษฎีสมคบคิดที่ว่า โรคระบาดเป็นแผนการทำลายโลกของอำนาจมืด และวิจารณ์มาตรการของรัฐว่าเป็นการริดรอนเสรีภาพของบุคคล แนวคิดเหล่านี้ได้รับกรวิพากษ์วิจารณ์และปฏิเสธจากองค์กรทางการของศาสนจักรคาทอลิก และมีการวิเคราะห์โดยสื่อทีวีและนิตยสารชั้นนำอย่าง Der Spiegel ว่า ผู้นำระดับคาร์ดินัลเหล่านั้นล้วนเป็นกลุ่มอนุรักษ์สุดโต่ง ขวาจัด และต่อต้านพระสันตะปาปาฟรันซิสมาตั้งแต่ต้น ถูกลากโยงเข้าสู่ขบวนการสมคบคิดเพื่อให้มีน้ำหนักและเผยแพร่ในหมู่ศาสนิก ทฤษฎีสมคบคิดเป็นแนวคิดที่เกิดจากอคติ ขาดหลักฐานที่น่าเชื่อถือ ซึ่งแม้นำมาอ้างอิงก็เป็นหลักฐานปลอมและไม่เป็นวิชาการ เป็นความเชื่อที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ หรือคนที่เชื่อก็ไม่ได้ต้องการการพิสูจน์ หรือว่าเชื่อในหลักฐานหรือข้อพิสูจน์ที่สังคมทั่วไปไม่อาจรับได้ รับแต่เฉพาะกลุ่มนี้เท่านั้น มีการวิเคราะห์ทางจิตวิทยาว่า ความเชื่อในทฤษฎีสมคบคิดสัมพันธ์กับการ “มโน” (psychological projection) ความหวาดระแวง และจิตที่คิดถึงผลประโยชน์ตนเอง บิดเบือนอำนาจ (Machiavellianism) ซึ่งเป็นความผิดปกติทางจิตในกลุ่มเดียวกับพวกหลงตัวเอง (narcissism) พวกต่อต้านสังคม (psychopathy) พวกนี้จะมีภาพรับรู้ลวงตา ที่สร้างขึ้นมาเองจากการกระตุ้นของข้อมูลข่าวสารที่รับมา โดยเฉพาะข่าวสารที่ปลอม แนวคิดที่หลอก ที่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ความน่าเชื่อถือ โซเชียลมีเดียวันนี้ทำให้ทฤษฎีสมคบคิดและข่าวปลอมกระจายไปไกลและรวดเร็ว เกิดมีแอพพลิเคชั่น มีแพลตฟอร์ม มีเว็บไซต์มากมายหลายร้อยที่ใช้เผยแพร่ แม้บรรดาเจ้าของเครื่องมือสื่อใหญ่อย่างเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ ไลน์ ยูทูบ จะออกมาตรการควบคุม แต่ก็ไม่สามารถจัดการลบอะไรพวกนี้ได้หมด ทฤษฎีสมคบคิดและข่าวปลอมบ้านเราก็เป็นปัญหาไม่น้อย ที่ฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐสร้างขึ้นเพื่อปลุกระดัมผู้คนให้ต่อต้านอำนาจรัฐ แต่บางครั้งผู้คนก็สงสัยว่า อาจเป็นรัฐเองที่สร้างทฤษฎีสมคบคิดขึ้นมา โดยอ้างความมั่นคงเพื่อจัดการกับฝ่ายตรงกันข้ามหรือไม่ ทฤษีสมคบคิดและข่าวปลอมมักเกี่ยวข้องกับการเมืองและศาสนา เพราะเป็นสองประเด็นที่ละเอียดอ่อน เกี่ยวกับความเชื่อศรัทธามากกว่าเหตุผล อยู่ที่รัฐบาลเองที่ต้องสร้างความไว้วางใจ (Trust) โดยแสดงถึงความจริงใจ โปร่งใส ธรรมาภิบาล ปราการใหญ่ที่ไม่มีใครทำลายได้