ดร.วิชัย พยัคฆโส [email protected] คดี “บอส” กับคดี “บ่อน” ส่งผลสะท้อนให้เกิดการปฏิรูปตำรวจที่ล่าช้ามานานปีดีดัก ต้องลุกขึ้นมาขยับอีกรอบ เปรียบเสมือนถ้าไม่มีเหตุมาลนก้น กรรมการปฏิรูปก็จะไม่ตื่นเต้น และตั้งใจจะปฏิรูปกันจริงจัง พอๆกับการปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน สภาผู้แทนราษฎรเองก็ยังงงๆกันอยู่ว่าทำไมไม่คืบหน้า จะเอาผลงานที่ผ่านมา 3 เดือน ม.ค.-มี.ค. 63 มารายงานต่อสภา บรรดา ส.ส. ทั้งหลายทที่ต่างไม่รับการพิจารณาและอภิปราย เพราะเป็นความล่าช้าไม่คืบหน้าจนทำให้สภาล่มไม่พิจารณามาแล้วครั้งหนึ่ง จะทำให้การปฏิรูปประเทศอืดไม่คืบหน้าอะไรมากนักแล้วจะสำเร็จหรือไม่ ยังเป็นปัญหา ควบคู่ไปกับการปฏิรูป เราจะได้ยินข่าวการปฏิรูปการศึกษาตามแนวทางของ น.พ.จรัส สุวรรณเวลา กับคณะกรรมการได้เขียนไว้ที่สภาการศึกษา ทั้งๆที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ปีเศษๆที่ผ่านมา ศธ.กับสภาการศึกษา มัวทำแต่ประเด็นโควิด-19 อยู่กระมัง ทั้ง 7 เรื่อง 28 ประเด็นของแผนปฏิรูปการศึกษา เห็นผลได้ชัด คือ ระดับอุดมศึกษา ก้าวหน้าไปมาก เช่น การตั้งกระทรวงแยกออกมา และมีแผนชัดเจนให้มหาวิทยาลัยแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ในการพัฒนาบุคลากรของชาติ โดยเน้นเข้าสู่นวัตกรรมการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ในการพัฒนา โดยให้แต่ละมหาวิทยาลัยเร่ง repositioning เน้นงานวิจัย และพลิกโฉมมหาวิทยาลัยเข้าสู่แผนของสภาพัฒน์ฯ การปฏิรูปงบประมาณก็ลดงบประมาณกลุ่มงานดำเนินงาน ลดลงมาก ไปทุ่มที่งาน reventing และงานวิจัยระดับโลกมากขึ้น ซึ่ง 7 เรื่องประกอบไปด้วย 1. ปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้โดยรวมของประเทศ 2. ปฏิรูปการพัฒนาเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน 3. ปฏิรูปเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา 4. ปฏิรูปในระบบการผลิต คัดกรอง และพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพครู-อาจารย์ 5. ปฏิรูปการจัดการเรียนการสอนเพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่21 6. ปรับโครงสร้างของหน่วยงานในระบบการศึกษา 7. ปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้ในการพลิกโฉมด้วยระบบดิจิทัล ในแต่ละข้อยังมีประเด็นย่อยๆอีกหลายประเด็นที่ได้ตั้งโจทย์ที่เป็นประเด็นปัญหาที่ผ่านมาไว้ให้ แล้ว ซึ่ง ศธ.และสภาการศึกษาเพิ่งจะเริ่มมาจับ 3-4 เรื่องเท่านั้น เช่น แก้ไข ปรับปรุง พรบ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.ปฏิรูประบบอาชีวศึกษาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และปรับปรุงโครงสร้างของ ศธ.เอง นอกนั้นยังไม่เห็นมีเรื่องใดคืบหน้า เพิ่งจะริเริ่มเอาจริงเอาจังในช่วงนี้ ในขณะที่กระทรวงศึกษาธิการมีรัฐมนตรี มากำกับดูแลถึง 3 คน ยังนั่งกันนิ่งๆ ทำแต่เรื่องเล็กๆไม่เข้าสู่การปฏิรูปที่เป็นหัวใจสำคัญของการศึกษา โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา คงต้องหาคนคิดเก่งๆและมีประสบการณ์ทางการศึกษาเข้ามาดูแลกระมัง 2-3 ปีที่ผ่านมา งานปฏิรูปไม่คืบหน้าทุกงาน จะเสร็จทัน 20 ปีหรือไม่ นายกรัฐมนตรีต้องเร่งรัดในการจัดทำ นอกเหนือจากงานเร่งด่วนที่ต้องทำอย่างรีบด่วน เช่น งานฟื้นฟูเศรษฐกิจ งานส่งออก งานพัฒนาอาชีพจากการที่คนว่างงาน ฯลฯ จึงน่าจะเหนื่อยสำหรับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเศรษฐกิจคนใหม่