ทองแถม นาถจำนง ปีนี้ (พ.ศ. 2560) เป็นวาระสำคัญด้านประวัติศาสตร์ไทย คือครบรอบ 250 ปีของการเสียกรุงศรีอยุธยาแก่กองทัพพม่า เป็นวาระที่ควรรำลึกกันว่า อาณาจักรอยุธยาอ่อนแอจนพ่ายแพ้แก่กองทัพพม่า ปัญหาสำคัญคือ “ต้นเหตุของความอ่อนแอ” ในครั้งนั้นคืออะไร ? ข้าพเจ้าคงไม่จำเป็นต้องตอบ ! ทุกคนรู้ว่า เกิดจากการแตกแยกพวกเหล่า สามัคคีกันไม่ได้ บทเรียนจากประวัติศาสตร์นั้นชัดเจนว่า ความรุ่งเรืองของชาติเกิดจากความสามัคคี ความเสื่อมโทรมของชาติเกิดจากการแตกสามัคคี สถานการณ์ขณะนี้เรามาเล่าเรื่องความรุ่งเรืองกันดีกว่าครับ คือเกร็ดตำนานเรื่องพระเจ้าอู่ทองตั้งกรุงศรีอยุธยา “คึกฤทธิ์ ปราโมช” เล่าตำนานเรื่องนี้ไว้ใน คอลัมน์ “ข้างสังเวียน” (ธันวาคม 2520) “คุณวศินสุข” เก็บความมาเล่าอย่างสนุกสนานในเว็บ “เรือนไทย .วิชาการดอทคอม” ดังนี้ “ตำนานพระเจ้าอู่ทองนั้น แปลกประหลาดพิสดารเป็นอันมาก เพราะพระเจ้าอู่ทองนั้น จะทรงมีพื้นเพดั้งเดิมอยู่ที่ไหนไม่มีใครทราบ แม้แต่ตำนานก็เล่าไม่ถึง มีแต่ผู้สันนิษฐานกันไปต่าง ๆ นานา บ้างก็ว่าทรงเป็นกษัตริย์ในราชวงศ์เชียงแสนซึ่งอยู่ทางเหนือสุดของไทย แล้วเสด็จลงมาได้พระราชธิดาของกษัตริย์เมืองสุพรรณแล้วจึงได้เสด็จมาตั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นอิสระต่างหากขึ้นอีกกรุงหนึ่ง  บ้างก็ว่าพระเจ้าอู่ทองเสด็จมาจากเมืองอู่ทอง บางแห่งก็ว่าเสด็จมาจากกำโพชนคร เมืองนี้จะอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่จากจดหมายเหตุของนายวันวลิต พ่อค้าชาวฮอลันดาที่เข้ามาเมืองไทยหลังสมัยพระนเรศวรเขียนไว้ชัดเจนเลยว่า พระเจ้าอู่ทองเป็น "เจ๊ก" แต่จะมีคนไทยคนไหนบอกนายวันวลิตเช่นนั้นไม่ทราบ หรือแกไปได้ข้อมูลมาจากไหนก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ขอพักเอาไว้แค่นี้ มาต่อเรื่องตำนานที่เกี่ยวกับพระองค์ดีกว่า ตามตำนานบอกว่า พระเจ้าอู่ทองเสด็จหนีโรคห่ามาจากเมืองอื่น แล้วจึงมาทรงตั้งกรุงศรีอยุธยาขึ้นที่หนองโสน คือพระนครศรีอยุธยาทุกวันนี้ ส่วนห่าจะลงที่ไหนจนถึงกับพระเจ้าอู่ทองต้องเสด็จหนีมานั้น ก็ไม่มีใครรู้ และตำนานก็ไม่บอก ส่วนตำบลหนองโสนนั้น มีคำพังเพย หรือคำทำนายเก่าแก่ของคนที่นั่นเล่ากันต่อ ๆ มาเกี่ยวกับผู้มีบุญที่จะมาสร้างเมืองลงบนหนองโสนได้ว่า  ผู้มีบุญนั้นจะต้องกินเหล็กได้เป็นประการหนึ่ง  และจะต้องสามารถยิงลูกศรไปแล้วทำให้ลูกศรกลับมาคืนคันศรได้ เป็นประการที่สอง ตำนานเล่าต่อไปว่า เมื่อพระเจ้าอู่ทองทรงได้ยินคำทำนายนี้ ก็ทรงปฏิบัติให้ตรงกับคำทำนายได้ทั้งสองประการ ประการแรก โปรดฯ ให้ตะไบเหล็ก แล้วเอาเหล็กที่เป็นขี้ตะไบนั้นมาผสมกับพระกระยาเสวยทุกมื้อ การที่ทรงทำเช่นนี้ ยิ่งทำให้ทรงมีพระวรกายแข็งแรง เจริญพระยาหารพ่วงพีมีกำลังจนเป็นที่ประหลาดใจแก่คนทั้งปวง ประการต่อมา พระเจ้าอู่ทองได้ทรงยิงลูกศรให้ไปตกลงในแม่น้ำซึ่งกำลังไหลลง แล้วพระองค์ก็ไม่ต้องทำอะไร เพียงประทับรออยู่ที่ใต้น้ำ เมื่อลูกศรไหลตามน้ำลงมาถึง พระองค์ก็ทรงเอาคันศรเข้ารับ  เป็นอันว่าทรงสามารถยิงลูกศร แล้วทำให้ลูกศรกลับคืนคันศรได้สมดังคำทำนายทุกประการ เมื่อเป็นเช่นนี้ พระเจ้าอู่ทองจึงทรงเป็นผู้มีบุญตามคำทำนาย สมควรที่จะสร้างพระนครลงบนหนองโสนได้ โดยคนทั้งปวงเห็นพ้องต้องกันในบุญญาธิการนี้ และหลังจากนั้นก็คงจะทรงได้รับความร่วมมือจากคนทั้งปวงในการสร้างพระนครขึ้น ณ ที่นั้น ไม่มีผู้ใดคัดค้านหรือฝ่าฝืนอีก เรื่องนี้นับได้ว่าพระเจ้าอู่ทองท่านทรงใช้ความเชื่อถือในไสยศาสตร์หรือคำทำนายนี้ให้เป็นประโยชน์แก่พระองค์เอง จนคนทั้งปวงยอมรับ นับเป็นพระปรีชาสามารถเป็นอันมาก นายวันวลิต พ่อค้าชาวฮอลันดา เล่าตำนานพระเจ้าอู่ทองต่อไปอีกว่า ที่หนองโสนนั้น มีฤาษีตนหนึ่งอาศัยอยู่  เมื่อพระเจ้าอู่ทองเสด็จไปจะสร้างพระนครขึ้นที่หนองโสน ฤาษีก็มาเข้าเฝ้าแล้วทูลว่า ในหนองโสนนั้นมีสัตว์ร้ายตัวใหญ่ (อาจารย์คึกฤทธิ์เดาว่าคงจะเป็นจระเข้) ผู้ใดต้องการจะสร้างเมืองที่หนองโสน จะต้องจับคนโยนลงไปให้สัตว์ร้ายในหนองโสนนั้นกินคนหนึ่งเป็นเครื่องสังเวย มิฉะนั้น จะไม่สามารถสร้างเมืองได้ หรือถึงจะสร้างเมืองได้ แต่จะอยู่อย่างมีความสุขต่อไปก็หาได้ไม่ เมื่อพระเจ้าอู่ทองทรงได้ยินดังนั้น ก็โปรดฯ ให้ป่าวประกาศไปในบรรดารี้พลทั้งปวง ถามว่า ผู้ใดจะยอมสละชีวิตอุทิศตนให้เป็นเครื่องสังเวยแก่สัตว์ร้ายในหนองโสน เพื่อให้พระเจ้าอู่ทองทรงสร้างพระนครขึ้นได้ ณ ที่นั้น แต่ประกาศแล้วประกาศเล่า ก็ไม่มี "วีรชน" คนกล้ายอมรับอาสาสักคนเดียว การทั้งปวงก็ล่าช้า เนิ่นนานออกไป  ตาฤาษีก็มาเข้าเฝ้าพระเจ้าอู่ทองและเร่งรัดพระองค์ให้ทรงรีบหาคนโยนลงไปในหนองโสนให้สัตว์ใหญ่นั้นกินอยู่หลายครั้งหลายครา เพื่อน ๆ ทราบไหมครับว่าพระเจ้าอู่ทองจะทรงทำอย่างไร ครับผม พอตาฤาษีมาเข้าเฝ้าเร่งรัดหนัก ๆ เข้า พระเจ้าอู่ทองก็ตรัสสั่งให้ทหารจับฤาษีตนนั้นเอง โยนลงไปในหนองโสน  สัตว์ใหญ่ที่อยู่ในหนองโสนนั้นก็กินฤาษีเป็นเครื่องสังเวยสบายไป พระเจ้าอู่ทองก็ทรงสร้างพระนครศรีอยุธยาขึ้นที่หนองโสนได้สำเร็จ จะเห็นได้ว่า พระเจ้าอู่ทองนั้นทรงเป็นผู้มีบุญญาธิการจริง ๆ เพราะนอกจากจะทรงใช้ความเชื่อถือทางไสยศาสตร์ให้เป็นประโยชน์แก่พระองค์เองแล้ว ยังได้ทรงกำจัดคนที่เป็นต้นเหตุแห่งความเชื่อถืองมงายไปได้คนหนึ่งอย่างแนบเนียนที่สุด” ฤาษีนักบวชนอกรีตที่คิดแต่จะเอาชีวิตคนอื่นเป็นเครื่องเซ่นสังเวย สร้างความสำคัญยกบานะให้ตนเองยิ่งใหญ่ (ที่เป็นผู้ช่วยกษัตริย์สร้างกรุง) สุดท้ายก็ถูกมหาวีรบุรษอย่างพระเจ้าอู่ทอง จัดให้นักบวชกลายเป็นเครื่องสังเวยเสียเอง แล้วกรุงศรีอยุธยาก็ตั้งมั่นมาอีก 417 ปี