ทองแถม นาถจำนง “เข้าพรรษา”แล้วครับ ทุกวันนี้ยังคงมีชายไทยที่บวชช่วงเข้าพรรษา บวชแล้วร่ำเรียนธรรมะ ยกระดับคุณภาพชีวิตอยู่บ้างส่วนการบวชเจ็ดวันนั้น คงจะ “สิกขา” อะไร ไมได้นักหรอกครับอาจจะยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่า “บวชทำไม”พุทธศาสนิกชายไทยบวชทำไม ? หลายคนก็คงตอบปัญหานี้ไม่ได้นะครับ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปาโมช ท่านอิบายไว้ง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ “คนเราบวชกันทำไม? ถ้าจะตอบให้ตรงตามวัตถุประสงค์แห่งการบวชแล้วก็จะต้องตอบว่า บวชเพื่อสละโลก บวชเพื่อเว้นจากกาม บวชเพื่อออกจากหมู่คณะทั้งหมดนี้เรียกรวมได้ว่า เนกขัมมะ คือ การออกจากที่ที่มีอาสวะข้องอยู่แต่เนกขัมมะนั้นก็เป็นเพียงทางออกจุดหมายปลายทางก็คือการสลายตัวแห่งอัตตาโดยสิ้นเชิงพูดภาษาชาวบ้านก็คือ บวชเพื่อลืมโลก บวชให้โลกลืม บวชเพื่อหาความรู้ในที่สุดว่า สิ่งที่เรียกว่า ตัวของตัวเองนั้นไม่มีที่หลงผิดไปว่ามี ก็เพราะมีวัตถุต่าง ๆ ซึ่งมิใช่ของตน ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ มาประกอบกันเข้าเป็นรูป เรียกว่ารูปสังขาร และรูปสังขาร หรือ รูปนี้ ไปประกอบกับนาม อันได้แก่เวทนา และ สัญญา รวมกันเป็น รูป เวทนา และสัญญา บังเกิดเป็นธรรมสังขาร แล้ววิญญาณอันเป็นเครื่องรับรู้ก็ยอมรับอย่างผิด ๆ ว่า นั่นแหละคือตนเมื่อมีตนแล้ว ตนนั้นก็ขยายออก อัตตาแผ่เข้าไปในทุกสิ่ง ลาภ ยศ วาสนา บ้านเมือง บริวาร และอำนาจ กลายเป็นตนเองและของตนไปหมดการบวชที่แท้จริงก็คือ การระงับทุกอย่างที่มาประกอบกันเป็นอัตตาหรือตัวตนนั้นให้หมดไป หรืออย่างน้อยรู้จักความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่มาประกอบเป็นอัตตาว่ามันไม่ใช่อัตตา แต่เป็นสิ่งต่าง ๆ ที่เราควบคุมไม่ได้ เป็นไปตามสภาพของมันเองและสภาพของมันเองนั้น มีผลในทางหลอกลวงเราให้เราต้องอยู่ในโมหะ คือ ความหลง นึกว่ามันเป็นตัวเราทุกอย่างการบวชและการปฏิบัติพระธรรมวินัย ตลอดจนการศึกษาในทางกรรมฐาน จึงเป็นการจับเท็จของขันธ์ห้า อันได้แก่รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณจับเท็จสิ่งเหล่านี้ได้หมดแล้ว อัตตาก็หมดชีวิตที่ยังคงเหลือต่อไปก็จะมีแต่ความจริงและคนที่บวชนั้นก็จะเรียกได้ว่าบวชจริง มิใช่บวชเท็จและคนที่บวชจริงนั้น ยิ่งบวชนานยิ่งเงียบ ยิ่งบวชนาน ยิ่งหายไม่ต้องการแม้แต่คนที่จะไปนับถือกราบไหว้ตน ถึงจะมีกรุณา ก็ต้องมีอุเบกขา ประกอบให้ได้สัดส่วนมิใช่ว่าจะปล่อยให้ความห่วงใยในบุคคลอื่นที่ยังไม่รู้ความจริงนั้นกลายเป็นปลิโพธ คือ อุปสรรคต่อปฏิเวธของตน จะว่าการบวชแบบนี้ไม่ทำให้สังคมเจริญก้าวหน้าออกไป ก็ใช่แต่ถ้ายังห่วงสังคมอยู่ก็อย่าไปบวช มุ่งหน้าทำความดีต่อสังคม โดยไม่ออกจากสังคมก็ได้ ทั้งหมดนี้คือการยอมรับความจริงว่า อะไร อยู่ที่ไหน เป็นอย่างไรไม่เอาโลกกับธรรมมาปนกันไม่เอาความดีในทางโลกุตระ และความดีในทางโลกียะมาผสมกันถ้าทำอย่างนี้แล้วความวุ่นวายย่อมจะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น ก่อนจะบวชต้องรู้วัตถุประสงค์แห่งการบวชและเมื่อบวชแล้วพิจารณาตนเอง เห็นว่าจะบรรลุวัตถุประสงค์นั้นไม่ได้ ก็ยอมรับความจริง แล้วลาสิกขาออกมาอยู่ในเพศฆราวาสบุญตัวยังไม่ถึง ว่างั้นเถอะอย่างคุณมหาประสกที่โรงพิมพ์สยามรัฐ ที่สึกทั้งที่จวนจะได้เปรียญ ๙ อยู่แล้วหรืออย่างตัวผมเอง ที่สึกหลังจากที่ได้เสวยวิมุตติสุขอยู่สี่สิบวันพอดิบพอดีสึกแล้วทูลลาสมเด็จพระอุปัชฌาย์ไปหัวหิน กราบทูลท่านว่า จะไปสำรอกพระในตัวออกในมหาสมุทรถ้าบวชเพราะรู้วัตถุประสงค์ และสึกเพราะไม่สามารถทำตัวให้ถึงวัตถุประสงค์แห่งการบวชได้ ก็ไม่เป็นภัยต่อใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่เป็นภัยต่อสงฆ์ หรือแก่พระศาสนา พระเทียรราชาออกผนวชเพราะเห็นราชภัยในโลก แต่แล้วก็ปริวัตรหรือปฏิวัติออกมาปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์ พระศรีศิลป์ซึ่งเป็นราชกุมาร บวชอยู่วัดระฆัง กรุงศรีอยุธยา แล้วคบคิดกับนายทหารปฏิวัติออกมาเสวยราชย์อีกเช่นเดียวกัน องค์นี้ถึงจะสึกแล้วก็ยังสำรอกพระออกไม่หมด ยังทรงพระราชนิพนธ์มหาชาติคำหลวงได้จนจบ ทั้งที่ประทับอยู่ในเศวตฉัตร สมัยอยุธยาอีกเช่นเดียวกัน สมเด็จพระวันรัต วัดเจ้าพระยาไทย ให้ฤกษ์แก่กบฏ ท่านให้สึกออกมาประหารชีวิต พระสงฆ์นั้นยิ่งเคร่งในพระธรรมวินัยเท่าไร ยิ่งหมดแล้วในอาสวะกิเลสเท่าไร ก็ยิ่งมีภัยจากโลกยิ่งขึ้นเท่านั้น เพราะถึงแม้จะหมดเชื้อไฟแห่งกิเลสแล้ว ก็ยังมีคนเอาเชื้อไฟไปใส่ให้อยู่เรื่อย ๆ ถ้าหากไม่คอยระวังเตาไฟให้ดีจึงต้องคอยระมัดระวังดูกองไปที่เผาเชื้อนั้นให้สะอาดหมดจด อย่าให้ใครเอาฟืนหรือเชื่อเพลิงอื่น ๆ เช่น ดินระเบิดมาใส่ให้ง่าย ๆมิฉะนั้นจะพลอยมัวหมองไปด้วยเขม่าและควันไฟ จนในที่สุดอาจไม่เจริญสมถะภาวนาได้สะดวกพูดตรง ๆ ก็คือ ใครเขาจะมาขออุปสมบทก็ดูเสียให้ดี ๆ ว่า เขามีแต่เครื่องอัฐบริขารมาเท่านั้นจริง ๆ หรือว่ามีอะไรอื่น เช่น ปืนเอ็ม ๑๖ ซุกซ่อนติดตัวมาด้วย มิใช่สักแต่ว่า ท่องขานนาค สอบอันตรยิกธรรมได้ ก็บวชให้” คนที่บวชจริงนั้น ยิ่งบวชนานยิ่งเงียบ ยิ่งบวชนาน ยิ่งหายงานพิธีบวชนั้นก้ไม่ต้องเอิกเกริกอะไรกันนักก็ได้ เห็นบางงานเล่นกันหนัก จนนาคที่จะบวช เลยไม่ได้บวช หรือหนุ่มบางคนบวชอยู่ในวัด เพื่อน ๆ สีกาแห่กันนุ่งกระโปรงนุ่งกางเกงสั้นทรง “ลำไย” ไปเยี่ยมถึงกุฏิมากมาย อาจจะรบกวนจน “สิกขา” ไม่ไหวนะครับ...