ดร.วิชัย พยัคฆโส [email protected] หลังจากโควิด-19 เข้ามาเยี่ยมกรายไปทั่วโลก ต่างวิตกกังวลไปตามๆกัน โดยเฉพาะภาคเศรษฐกิจของโลกที่ติดลบกันไปหมดไม่เว้นแม้แต่สหรัฐอเมริกาที่มีปริมาณของเศรษฐกิจในฐานะผู้นำยังต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจปีนี้และปีต่อๆไปย่ำแย่กว่าที่เคยมีมา สำหรับประเทศไทยหลังจากโควิด-19 เข้ามาหยุดยั้งเศรษฐกิจไทยมิให้โตแล้ว ยังติดลบในปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ -6.2% แทนที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า นักเศรษฐศาสตร์ต่างวิเคราะห์กันไปว่าไทยเราน่าจะสู้เวียดนามไม่ได้ ในขณะที่เวียดนามไล่ตามกันมาติดๆ และคาดว่าจะแซงหน้าไทยไปได้ อย่างน้อยข้าวเวียดนามเป็นอันดับ1 ของการส่งออกแทนไทยไปเรียบร้อยแล้วจาก 3 ปัจจัย คือ ต้นทุนต่ำจากผลผลิตต่อไร่โดยเฉลี่ย 1,000 กก. งานวิจัยข้าวต่อเนื่องและการเก็บเกี่ยวเพียง 100 วัน ได้เปรียบไทยมาก ตั้งแต่ผลผลิต 450 กก.ต่อไร่ ได้ผล 120-130 วัน และงานวิจัยไม่ต่อเนื่อง ทำให้ข้าวไทยหล่นลงมาจากเคยส่งออกปีละ 10 ล้านตัน เหลือเพียง 6-7 ล้านตัน/ปี เท่านั้น ลองมาฟังผลวิเคราะห์เปรียบเทียบเศรษฐกิจเวียดนามกับไทยว่าเขาจะมีโอกาสแซงหน้าไทยไปได้หรือไม่ ซึ่งคงแซงได้แต่คงไม่เร็วอย่างที่คิดและไทยเติบโตเพียง 3% ในขณะที่เวียดนามโต 6% จากนี้ไปและเขายังมีปัจจัยอื่นๆที่เขากำลังจะได้เปรียบไทยอยู่ขณะนี้ จากการวิเคราะห์ของ “ลงทุนแมน” พบว่าปี 2019 ไทยมีขนาดเศรษฐกิจ 16.4 ล้านล้านบาท ใหญ่เป็นอันดับที่ 22 ของโลก ประชากรมีรายได้เฉลี่ยคนละ 236,000 บาทต่อปี อยู่อันดับที่ 82 ของโลก ในขณะที่เวียดนามมีขนาดเศรษฐกิจ 7.9 ล้านล้านบาท อันดับที่ 44 ของโลก ประชากรมีรายได้เฉลี่ยคนละ 82,000 บาท อยู่อันดับที่ 135 ของโลก ไทยจึงถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง ส่วนเวียดนามเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับต่ำ เท่ากับว่าเศรษฐกิจไทยโตกว่าเวียดนาม 2 เท่า รายได้เฉลี่ยของประชากรไทยมีมากกว่าเวียดนามถึงเกือบ 3 เท่า แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เวียดนามมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่ารไทยถึง 2 เท่า โดยเฉพาะหลังโควิด-19 ติดลบ 6.4% ส่วนเวียดนามยังเติบโตได้ 2.4% หากเป็นเช่นนี้ตลอดไป เวียดนามจะสามารถแซงไทยได้ต้องใช้เวลาถึง 24 ปี อย่างไรก็ดี เวียดนามมีประชากร 97 ล้านคน เป็นอันดับที่ 15 ของโลกและคาดว่าจะเป็น 111 ล้านคนในอีก 30 ปีข้างหน้า แต่ประชากรของไทยจะยังคงอยู่ที่ 69 ล้านคนเท่าเดิม อายุเฉลี่ยของคนเวียดนาม 32 ปี ส่วนของไทยอยู่ที่ 40 ปี ทำให้แรงงานของเวียดนามในปี 2020 มีมากถึง 58 ล้านคน ของไทยอยู่ที่ 38 ล้านคน ในขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำของเวียดนาม 132-190 บาท ต่อวัน ของไทยอยู่ที่ 313-336 บาทต่อวัน ทำให้แรงงานเวีดยนามได้เปรียบไทยเกือบเท่าตัว เพียงแต่ฝีมือแรงงานยังมีเป็นรองไทยเท่านั้น การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จึงไหลไปที่เวียดนาม ยกตัวอย่างเช่น ปี 2011 อยู่ที่ 222,000 ล้านบาท ปี 2019 อยู่ที่ 465,000 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2011 ไทยมร FDI 74,100 ล้านบาท และปี 2019 มี189,000 ล้านบาทเท่านั้น และมากสุดในปี 2013 อยู่ที่ 477,000 ล้านบาท ที่มากที่สุด อย่างไรก็ดี นโยบายของไทยยังมีจุดขาย เช่น EEC ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และกำลังพิจารณาลงนาม FTA กับ EU และ RCEPT จะช่วยให้ไทยขยายตัวได้มากกว่า 4.5% ในปี 64 ขณะที่เวียดนาม 6.4% และไทยยังมีโอกาสผงกหัวขึ้นอีกในปีต่อๆไป โอกาสที่เวียดนามจะแซงไทยคงมีโอกาสน้อย หากการเมืองนิ่ง เพราะพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ยังสามารถบุกเบิกและฟันฝ่าอุปสรรคได้อีกมาก เวียดนามจึงยังไม่น่ากลัวและคงไม่มีโอกาสแซงหน้าไทยไปได้