ดร.วิชัย พยัคฆโส [email protected] ผ่านพ้นไปแล้วกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเป็นรายบุคคลรวม 10 คนด้วยกัน ฝ่ายค้านระดมขุนพลฝีปากกล้ากล่าวหารัฐบาลในประเด็นของเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และการทุจริตคอร์รัปชั่นในเชิงนโยบายแต่ปราศจากใบเสร็จเป็นหลักฐาน รัฐมนตรีที่ถูกโจมตีและกล่าวหามากที่สุด ได้แก่ นายกรัฐมนตรีใช้เวลา 2 วัน กล่าวหาในภาพรวมทั้งหมด โดยเฉพาะการบริหารงานที่ล้มเหลว ส่งผลให้ภาคเศรษฐกิจทรุดต่ำมากที่สุด แถมยังปล่อยให้มีการทุจริตซึ่งไม่มีการตรวจสอบลงโทษ จนเป็นเหตุให้คะแนน CPI คงอยู่ที่ 36 คะแนนและถูกลดอันดับลงเป็น 104 ของ 180 ประเทศ สำหรับรัฐมนตรีท่านอื่นถูกกล่าวหาว่าทุจริตเช่นกัน แต่ไม่มีใบเสร็จรับเงินมาแสดง ซึ่งแต่ละคนมีประเด็นมากน้อยต่างกัน โดยรัฐมนตรีแต่ละท่านได้ตอบโจทย์ของฝ่ายค้านที่มีประเด็นคำถาม แต่จะถูกใจคนถามหรือไม่คงบอกไม่ได้ แต่แล้วในการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลใช้มือที่มากกว่าชนะไป เพียงแต่คะแนนที่ได้แต่ละคนมากน้อยต่างกันไปตามแต่กรณี คงต้องลองดูกันต่อไปจะมีการเมืองนอกสภาหรือไม่จากฝ่ายค้านด้วย ที่จะนำไปสู่การถอดถอนจาก ปปช. หรือศาลสถิตยุติธรรมกันต่อไป ย้อนกันมาดูกฎหมายทำแท้งที่ผ่านสภาและประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว น่าจะมีประเด็นโต้แย้ง และก่อให้เกิดภาระแก่อาชีพบางอาชีพ เช่น แพทย์สูตินารี ที่จะต้องให้การบริการจากลูกค้าที่ถูกกฎหมายเพิ่มขึ้น อาจเป็นปัญหาภาคสังคมเกิดขึ้นมาอีก เพราะในกฎหมายระบุว่าถ้าหญิงมีครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ สามารถไปขอรับบริการทำแท้งได้ เนื่องจากความไม่พร้อมได้เสรีโดยไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งจะทำให้มีหญิงที่มีครรภ์ทะยอยเข้ารับการทำแท้งมากขึ้นกว่าเดิมเพราะถูกกฎหมาย อาจมีการละเมิดทางเพศมากขึ้นก็ได้ ส่วนที่มีครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ถึง 20 สัปดาห์ สามารถทำแท้งได้โดยไม่ผิดกฎหมายเช่นกัน แต่จะต้องได้รับอนุญาตหรือความเห็นชอบของแพทย์ก่อนว่าถ้าปล่อยให้ท้องจนคลอด อาจจะทำให้บุตรที่อยู่ในท้องอาจมีความพิกลพิการหรือด้วยเหตุผลอื่นๆได้ ประเทศไทยอาจจะเป็น Hub ทางด้านการทำแท้งเสรีได้ เพราะประเทศที่มีการห้ามและผิดกฎหมายอาจเดินทางเข้ามาขอรับการทำแท้งที่ประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น จะเป็นประเด็นของแพทย์สูตินารีฯ ที่ต้องรับงานเพิ่มขึ้นซึ่งปัจจุบันทำงานกันตัวเป็นเกลียวอยู่แล้ว เพราะแพทย์ด้านนี้มีน้อยไม่พอเพียงที่จะให้บริการได้เพิ่มอีก ประเด็นที่สำคัญคือทารกหรือการกำจัดซากของทารก จะทำอย่างไรขนาดไม่ถูกกฎหมายยังมีบางวัดมีเด็กทารกเป็นร้อยๆศพ บรรดาหมอผีทั้งหลายอาจจะชอบในการนำไปทำเสน่ห์ อาจทำให้มีธุรกิจซื้อขายซากทารกเพิ่มขึ้น คงต้องรอดูผลลัพท์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทยในอนาคต คงต้องรอดูสักปีหนึ่ง หากมีปัญหาสังคมเกิดขึ้นอาจต้องย้อนกลับมาแก้ไขกฎหมายทำแท้ง กลับไปที่เดิมอีกก็ได้ เพราะประเทศไทยเป็นเมืองพุทธศาสนาครับ