ชัยวัฒน์ สุรวิชัย • พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย 2519 – 2524 พคท. เป็นพรรคการเมืองในแนวอุดมการณ์ ยึดมั่นลัทธิมาร์กซ เลนิน และความคิดเหมา มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความเสมอภาคทางชนชั้น ชี้นำสังคมโดยพรรคคอมมิวนิสต์ แนวทางการต่อสู้ คือการใช้อาวุธ เน้นชนบทล้อมเมืองและยึดเมืองในที่สุด “พรรค แนวร่วม กองกำลังอาวุธ “ ก่อตั้งอย่างเป็นทางการ วันที่ 1 ธันวา 2485 โดยมีนายพิชิต ณ สุโขทัย (พายัพ อังคะสิงห์) เป็นเลขาธิการพรรค กำเนิดพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย วันที่ 1 ธันวาคม 2485 ผู้ที่เลื่อมใสลัทธิคอมมิวนิสต์ได้ประกาศจัดตั้ง พรรคคอมมิวนิสต์ไทย หลังจากที่ได้เผยแพร่ลัทธิมาตั้งแต่ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ตอนจัดตั้งใหม่ ๆ เป็นพรรคเล็ก ๆ ประกอบด้วยคนจีนและเคลื่อนไหวอยู่ในหมู่คนจีนส่วนน้อย ฯลฯ ในระยะเริ่มแรก พรรคมีบทบาทในการต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง และ เคลื่อนไหวต่อสู้ทางการเมืองในระบบรัฐสภาในยุคหลังสงครามโลก แต่ต้องเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้ จากบนดินเป็นใต้ดิน เมื่อมีการรัฐประหาร 2490 และสหรัฐอเมริกาได้ขยายบทบาทเข้าสู่ประเทศไทย 2506 พคท. เริ่มจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ราษฎรมีความยากจนข้นแค้นฯ ต่อมา ได้ขยายอาณาเขตไปทางภาคเหนือตอนบน ติดกับประเทศพม่า วันที่ 7 สิงหาคม 2508 "วันเสียงปืนแตก" เป็นวันที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการล้อมปราบ และ พคท.ได้ใช้กำลังอาวุธ ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่เป็นครั้งแรก ที่หมู่บ้านนาบัว จ.สกลนคร ซึ่ง พคท.ถือว่าเป็นวันเริ่มต้นของสงครามประชาชน จากวันนั้น การต่อสู้ระหว่างคนไทยด้วยกัน ดำเนินเรื่อยมา รัฐบาลใช้นโยบาย การทหารนำการเมือง มีการสู้รบกันอย่างรุนแรงทั่วทุกภาค .... ภายหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 นักศึกษา ชาวนา และกรรมกร ได้หลบหนีการปราบปรามของฝ่ายขวา เข้าร่วมขบวนการคอมมิวนิสต์ ทำให้จำนวนสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แตเมื่อเหตุการณ์ภายในและภายนอกประเทศคลี่คลายไปในทางไม่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของพรรคฯลฯ เหตุการณ์ภายใน การสิ้นสุดลงของรัฐบาลนายธานินทร์ที่มีนโยบายปราบปรามคอมมิวนิสต์อย่างรุนแรง และแทนที่ด้วยรัฐบาลเกรียงศักดิ์ และรัฐบาลเปรม ที่ดำเนินนโยบายปรองดองภายในชาติ และนโยบายการเมืองนำการทหาร ทำให้ผู้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ถอนตัวกลับสู่เมือง เหตุการณ์ภายนอก พรรคคอมมิวนิสต์จีนแตกกับพรรคคอมมิวนิสต์เวียตนาม เ และเป็นปัญหาในการขอความช่วยเหลือจากลาวและเขมร ซึ่งถูกควบคุมโดยพรรคคอมมิวนิสต์เวียตนาม ในขณะที่จีนต้องการผูกมิตรกับไทย พร้อมจะตัดความช่วยเหลือพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์ไทยอ่อนกำลังลง และยุติบทบาทการสู้รบกับรัฐบาลไทยในที่สุด • บุคคลที่เป็นชาวพรรคคอมมิวนิสต์ฯ ที่ปู่จิ๊บ ได้พบและรู้จัก หลังจากเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ที่พคท.เริ่มการเคลื่อนไหวในเมืองมากขึ้น ได้มีการส่งคนมาจัดตั้ง ในหมู่นักศึกษาประชาชนและพรรคการเมือง ฯ ที่พสท. มี “จรัล ดิษฐาอภิชัย “ พยายามจัดตั้ง “ ปู่จิ๊บ “ แต่ไม่สำเร็จ คงความเป็นเพื่อนร่วมงานกันฯ และได้รู้จัก “ ลุงล้วน ปั้นน้อย “ คนของพรรคฯ ผ่านพี่ไขแสง สุกใส แต่ไม่ได้แสดงตนเป็นชาวพรรคฯ และช่วงปลายปี 2518 มีคณะเล็กๆของ พสท. ที่ต้องการศึกษา “ งานมวลชน “ โดยเดินทางไปภาคอีสาน ได้รู้จักกับสหายนำในเขตพื้นที่บางส่วน แต่อยู่ไม่นานนัก เพราะเกิดการยุบสภาฯ ต้องออกมาทำงานพสท. 7 สิงหาคม 2519 สถานการณ์การเมืองมีการข่มขู่คุกคามและลอบสังหารผู้นำกรรมกรชาวนาและพรรคการเมือง คณะธีรยุทธ บุญมี และปู่จิ๊บได้เดินทางหลบภัย เข้าป่าฯ ในเขตภาคเหนือตอนบน ( เขต8ดอยยาว เชียงราย ) ได้รู้จักกับ สหายเล่าเต็ง-กล-หมอชัยฯ( เป็นคนไทยที่ขึ้นไปทำงานในภาคเหนือ) และสหายม้งตัวจริงจำนวนหนึ่ง เป็นเวลาร่วมเดือน ที่เราได้คุ้นเคยกับชีวิตการเป็นอยู่และภาษาม้ง “ น้อหมอตอนเตา = กินข้าวอร่อย “ แล้วเดินทางต่อจนไปถึง “สำนักแนวร่วมฯ A30 “ ที่นี้ ได้คุ้นเคยกับ คุณอุดม ศรีสุวรรณ (กรมการเมือง) ส.ไหม ( ภรรยาคุณเปลื้อง วรรณศรี ) ส.เพชร- หมอไพร-ป้าออน(ลูกเขยลูกสาวภรรยาครูครอง จันทร์ดาวงศ์ ) สหายสันธาน ( ประวุฒิ ศรีมันตระ), สหายเริง ( อ.ผสม เพชรจำรัส) และสหายพี่เลี้ยง ที่เป็นมวลชนของพรรคฯ เมื่อได้ไปทำงานเขตอำนาจรัฐที่ภูพาน ก็ได้รู้จักกับ ลุงสยาม-ลุงเลี้ยง-ลุงวัฒนา-ลุงเผด็จ-ส.ขจัด-ส.ซื่อ-ส.วิทย์ และสหายอื่นๆอีกมาก ร่วมทั้งนักศึกษาปัญญาชน ที่มาจากหลายสถาบันฯ โดยเฉพาะ ม. เกษตร ฯลฯ ช่วงเดินทางไปช่วยดูแลรักษาอาการป่วยของคุณไขแสง สุกใส ก็ได้เจอกับ สหายคนไทยเชื้อสายจีน เป็นล่ามฯ กลับมาเมืองไทย ขึ้นไปภาคเหนือ จ.น่าน คณะแนวร่วมฯของเรา ก็ได้เจอกับสหายนำและสหายลั้ว ในพื้นที่ • รู้สึกและได้อะไรบ้าง จากสหายนำ ทปท.และสหายพี่เลี้ยงของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย พรรค : ต้องถือว่า พคท. เป็นพรรคการเมืองมวลชนที่แท้จริง มีอุดมการณ์ มีทฤษฎี แนวทาง นโยบาย ยุทธศาสตร์ยุทธวิธี จังหวะก้าว ขั้นตอน ที่แจ่มชัดฯ มีวัตถุประสงค์แลเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศไทย แต่แนวทางไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมไทยที่เปลี่ยนไป และการพึ่งตนเองที่มีน้อยไป เน้นการพึ่งพาประเทศจีนฯบุคคล: ชาวพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ทั้งสหายนำ และผู้ปฏิบัติงาน และมวลชนพื้นฐานที่ได้พบรู้จัก เป็นคนมีจิตใจรักชาติรักประชาชนอ่อนน้อมถ่อมตน เคารพผู้อื่น เอาจริง เป็นผู้กล้าหาญ เสียสละ แม้แต่ชีวิต เพลง: เป็นเพลงเพื่อชีวิต และปลุกเร้าใจ ทั้งสหายชาวพรรค และสหายคนเมืองได้ร่วมแต่งขึ้นทุกครั้งที่ได้ฟัง จะมีความสุข และรำลึกถึงมิตรสหายที่เสียสละและยังคงมีอุดมการณ์อยู่เสมอไข้มาเลเรีย : ปู่จิ๊บและสหายคนเมือง รู้จักและซาบซึ้งมาก รอยเข็มเต็มแขนและการรักษาจากหมอชาวบ้าน วิถีชีวิตอาหารม้งลั้วภาคเหนือและภูไทยภาคอีสานฯ: ทำให้เห็นคุณค่าความหมายของชนชาติและชนบทขอสรุปสั้นๆว่า “ ดีใจที่ได้มีโอกาสร่วมทำงานเพื่อบ้านเมือง “ และขอขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้กับประเทศ • พรรคพลังธรรม 2535 – 2541 เป็นพรรคการเมืองขนาดกลาง หัวหน้าพรรคคนแรก คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2531 เป็นพรรคการเมืองที่เคยได้รับคะแนนความนิยมโดยเฉพาะในเขตกทม. เริ่มจากการจัดตั้ง “ กลุ่มรวมพลัง “ ส่งและสนับสนุน พลตรีจำลอง ศรีเมือง ลงสมัครและได้เป็นผู้ว่ากทม. หลังยุบสภาฯ 2531 กลุ่มรวมพลังฯ ภายใต้การนำของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ผู้ว่ากทม. และกลุ่มสันติอโศก ร่วมตั้งพรรคพลังธรรมขึ้น ยื่นหนังสือต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง แล้วออกหนังสือ เชิญชวนประชาชนเข้าร่วมลงชื่อเป็นสมาชิกพรรค มีสมาชิกผู้ก่อตั้งพรรคจำนวนกว่าหนึ่งหมื่นคน วันที่ 9 มิถุนา 2531 ได้จดทะเบียนฯ วันกำเนิดพรรคพลังธรรม โดยมี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นหัวหน้าพรรค ในการเลือกตั้งครั้งแรก 22 มีนาคม 2535 พรรคพลังธรรมได้รับความนิยมสูงสุดจากพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยสามารถกวาดตำแหน่ง ส.ส. ได้มากถึง 32 ที่นั่ง จาก35 ที่นั่ง , สื่อพาดหัวว่า "พลังผักชนะพลังเงิน" มีหัวหน้าพรรค พล.ร.อ.ศิริ ศิริรังษี, นายบุญชู โรจนเสถียร, พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ฯลฯ จากการลาออกของ พล.ต.จำลอง และการปรับตัวไม่ทันทำให้บทบาทพรรคในเวทีการเมืองระดับชาติถดถอยลง จนกระทั่ง เมื่อการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 ได้ สส. 1 คน คือ นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ โดยขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหัวหน้าพรรค แต่ไม่สมัครรับเลือกตั้งฯ • นโยบาย 1. ปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปโครงสร้างและกลไก เพื่อนำสังคมไทยไปสู่ความ ร่มเย็น เป็นสุข 2. ปฏิรูปราชการ ระบบราชการ คือ ระบบการดำเนินกิจกรรมเพื่อความร่มเย็น เป็นสุข 3. ปฏิรูปงานรัฐวิสาหกิจ รัฐวิสาหกิจ เป็นมรดกของชาติ เป็นฐานอำนาจของรัฐ และเป็นสมบัติของปวงชน 4. ชุบชีวิตสังคมไทย จัดระบบการถือครองที่ดิน ให้ที่ทำกิน ให้ที่อยู่อาศัย ให้การศึกษา พัฒนาวิชาชีพ • ได้บทเรียนอะไรบ้าง และใครที่ประทับใจ ช่วงที่อยู่พรรคพลังธรรม ร่วม 7 ปี ปู่จิ๊บ เข้าร่วมพรรคพลังธรรม จากการร่วมเคลื่อนไหวคัดค้านเผด็จการทหารพลเอกสุจินดาในปี 2535 และจากการชักชวนของ คุณไชยวัฒน์ สินสุวงค์ ให้มาร่วมกันทำพรรคพลังธรรม พลตรีจำลอง ได้คัดเลือก “ ปู่จิ๊บ “ ให้ไปศึกษาดูงาน “ โรงเรียนชาวนาคานนาอาน เกาหลีใต้ “ ปี 2536 ปู่จิ๊บได้จัดตั้ง “ สำนักนโยบายและแผนขึ้นครั้งแรก “ สร้างผลงานให้กับพรรคในเชิงนโยบายและวิชาการ รวมทั้งการจัดสัมมนาใหญ่ให้แก่ รัฐมนนตรี สส. และคนของพรรค ใช้เวลา 3 เดือน ในปี 2535-6 และได้รับการเลือกตั้งเป็น กรรมการกลาง และรองเลขาธิการพรรค ในช่วงต่อมาฯ พรรค : เป็นพรรคที่เน้นคนดี ความรู้คู่คุณธรรม เพื่อแก้ปัญหาการคอร์รับชั่นโกงกิน ซึ่งเกิดกระแสคนไม่เอา “ นโยบายบุปเฟ่คาร์บิเน็ตของรัฐบาลชาติชาย” และการต้องการสร้างประชาธิปไตยที่มีคุณธรรม ประเด็นสำคัญที่เป็นบทเรียน คือ ผู้นำพรรค ขาดแนวทางนโยบายในการสร้างพรรคให้พัฒนาต่อเนื่อง ฉะนั้น เมื่อกระแสสูงของคุณธรรมคนดี หมดลง ก็เข้าสู่ระบบการเมืองเก่า ทำให้พรรคเริ่มเสื่อมลงฯ บุคคล : หัวหน้าและแกนนำฯ ล้วนเป็นคนดีมีความรู้ความสามารถ มีจิตใจรักความเป็นธรรมรักบ้านเมือง ทั้งพลตรีจำลอง ศรีเมือง คุณบุญชู โรจนเสถียรฯ คุณทักษิณ ชินวัตร คุณไชยวัฒน์ สินสุวงค์ฯ และคุณประสงค์ สุ่นสิริ คุณอุดร ตันติสุนทร ดร.สุทิน ดร.สมุทร ดร.อาจอง หมออุดมศิลปะ พี่ไพรัช ฯลฯ กลุ่มสันติอโศก ฯ คือ คุณธำรง แสงสุริยะจันทร์ พีรพงษ์ สาคริก ประเสริฐ นาสมพันธ์ ฯลฯ น้องๆที่สนิร่วมงานกัน : วิสุทธิ์ คมวัชรพงศ์ วัชรพันธ์ จันทรขจร และน้องๆชาวสันติอโศกหลายคน คงต้องกล่าวถึง “ หัวหน้าทักษิณ “ คนดีเด่นดัง ของพลตรีจำลอง บางประเด็น ปู่จิ๊บ ยังคงรักเคารพและชื่นชมในความเก่งและการบริหารจัดการที่เยี่ยมยุทธ์ หาคนเสมอได้ยาก ในช่วงอยู่ พรรคพลังธรรม เป็นโอกาสที่ดีที่สุดช่วงหนึ่ง เพราะแวดล้อมไปด้วยคนดี จริงใจ และปู่จิ๊บ ก็ได้ทำหน้าที่ในการช่วยแนะนำและให้กำลังใจฯ ในช่วงที่ทำงานไม่บรรลุฯลฯ • ขอขอบคุณ พรรคพลังธรรม ที่ได้ให้โอกาส ปู่จิ๊บ ไปร่วมงาน ที่ได้รับความรู้ประสบการณ์มากมาย