สถาพร ศรีสัจจัง  ไปนั่งฟัง “สภากาแฟ” มื้อเช้าที่ร้านเก่าแก่ในตลาดเมืองสงขลาร้านหนึ่ง โต้ะใกล้ๆเห็นเป็น “รุ่นอาวุโส” ตอนที่เริ่มสั่ง “แตะโอเบาน้ำตาลแก้ว” (ภาษาถิ่นใต้ หมายถึง ขอชาดำร้อนอ่อนน้ำตาลแก้วนึง)นั้น ดูเหมือนบรรดา “ผู้เฒ่า” ในโต๊ะน่าจะกำลังเข้าไคลในหัวข้อ “ถกแย้ง” (Debate?) กันอยู่พอดี ได้ยินกันทั้งร้านโดยไม่ต้องเงี่ยหูฟัง(เพราะถกกันด้วยเสียงอันดังอย่างเปิดเผยโปร่งใส)ว่าสิ่งที่ท่านอาวุโสกำลังถกดุเดือดกันอยู่นั้นล้วนเป็นเรื่องเนื่องเกี่ยวกับ “การเมือง” แท้(ตามสไตล์สภากาแฟชาวใต้?)          เป็นการเมืองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น ประเด็นหนึ่งที่ “เข้มข้นเป็นพิเศษ” คือเรื่องที่ชาวสงขลากำลังแซ่ดกันทั้งบ้านทั้งเมือง นั่นคือเรื่องศาลฎีกาอ่านคำพิพากษา “ยืน” ตามคำพิพากษาศาลอุธรณ์ในคดีการลอบสังหารอดีตนายกเทศบาลนครสงขลาเมื่อไม่กี่ปีก่อน ที่เป็น “คดีสะเทือนขวัญ” คนทั้งประเทศอย่างรุนแรง เพราะทีมงานมือสังหารกระทำการอย่างอุกอาจด้วยอาวุธสงครามกลางเมืองกันทีเดียว           กล่าวคือเมื่อคุณพีระ ตันติเศรณี นายกเทศมนตรีนครสงขลาขณะนั้นเดินออกจากห้องประชุมในสำนักงานของกลุ่ม “สงขลาฟอรั่ม” มายืนสูบบุหรี่อยู่ตรงหน้าบ้าน(ค่อนดึกแล้ว) มือปีนที่สภาการแฟเล่าว่าประทับปืนเอ็ม 16 กระบอกใหญ่เล็งอยู่ก่อนแล้วเหนี่ยวไกทัน ขาเล่านั้นบอกว่าท่านายกฯพีระผู้ผอมบางเหมือนจะปลิวลมอยู่แล้วก็ตายในนัดแรกนั่นทันทีเหมือนกัน!            สำหรับ “กลุ่มสงขลาฟอรั่ม” นั้น ใครๆในเมืองนี้ล้วนรู้กันว่าเป็นกลุ่ม เอ็น.จี.โอ.สำคัญ มักมีความเคลื่ิอนไหวต่อสู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมภายในตัวเมืองสงขลาอย่างเอาการเอางานเสมอๆ โดยเฉพาะการมีบทบาทสูงในเรื่องการต่อสู้เพื่อนุรักษ์เมืองสงขลาเก่า(ย่านถนน 3 สายเก่าของเมือง คือ นครนอก นครใน และนางงาม) รวมไปถึงการต่อสู้รณรงค์ต่างๆเพื่อพิทักษ์หาดสมิหลา เพื่อให้ “หาดกลางเมือง” ที่สวยงามเก่าแก่แห่งนี้ดำรงสภาพเป็นธรรมชาติมากที่สุด           และเรื่องเกี่ยวกับหาดสมิหลานี่แหละที่สภากาแฟระบุกันว่าเป็นจุดเริ่มของคดี “ฆ่านายกฯพีระ ตันติเศรณี” นั่นคือ เมื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา(อบจ.สงขลา)ที่มีคุณอุทิศ ชูช่วย เป็นผู้บริหารสูงสุดอยู่ มีโครงการจัดทำ “กระเช้าลอยฟ้า” ข้ามฟากจากฝั่ง “บ่อยาง” ตรงช่วงหาดสมิหลา ไปอีกฝั่งทะเลตรงพื้นที่ๆเรียกว่าฝั่ง “หัวเขาแดง” เพื่อ “ส่งเสริมการท่องเที่ยว” ของจังหวัดตามภาระหน้าที่ของ อบจ.นั้น           ฟังว่าเรื่องนี้เทศบาลนครสงขลาซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ตรงหาดสมิหลา ซึ่ง อบจ.สงขลาจะใช้เป็นพื้นที่เพื่อก่อสร้างสถานีควบคุมกระเช้าไฟฟ้าไม่ยอมให้อบจ.ใช้พื้นที่ดังกล่าว โครงการใหญ่ที่ใช้งบประมาณมหาศาลพอควรโครงการนี้จึงต้องะงักลง ทั้งๆที่ได้ทำการเปิดตัวโครงการเรียบร้อยแล้ว และเมื่อโครงการนี้เสร็จก็คาดกันว่า จะกลายเป็นงานพัฒนาเมืองประเภท “ติดตาติดใจ” ชาวบ้าร้านตลาดไปนานอีกโครงการหนึ่ง เหมือนหลายๆโครงการที่นายก อบจ.อุทิศ ชูช่วย เคยทำเคยสร้างไว้เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศบาลนครสงขลา 2 สมัย โดยครั้งนั้นมีพีระ ตันคิเศรณี “ผู้เพื่อน” ร่วมเป็น “เทศมนตรี” ในทีมงานอยู่ด้วยคนหนึ่ง            แต่ประเด็นสำคัญที่สุดซึ่งวงสภากาแฟ “เสนอเป็นข้อสังเกต” ในวันนี้ กลับไม่ใช่เรื่องศาลฎีกาพิพากษายืนให้ประหารชีวิตคุณอุทิศ ชูช่วยและทีมมือปืนที่จับได้อีก 2 คน (อีก 2 คน “ถูกเก็บ” ไปก่อนหน้าแล้ว/อีกคนเพิ่งถูกจับได้ 1 วันก่อนศาลฎีกาพิพากษา)และให้จำคุกตลอดชีวิตคุณกิตติ ชูช่วย น้องชายแท้ๆของคุณอุทิศอีกคนแต่กลับเป็นประเด็น “ทำไมคดีสำคัญๆจึงมาจบเอาช่วง คสช.ทั้งสิ้น?”  หรือ “เงื่ิอนไขภาวะวิสัย” ขณะที่คสช.ปกครองประเทศ เหมาะ ที่ศาลจะได้ “ปล่อยของ”? หรือมีแรงผลักสำคัญอะไรสักอย่างที่ทำให้ศาลขยัน “ตัดสิน” คดีสำคัญๆที่มี “นัยยะ” เกี่ยวข้องทางการเมืองเอาในช่วงนี้? ฯลฯ            ที่สำคัญคือ คอสภากาแฟบางคน “ลาก” เอาตัวตัวอย่างคดีอีกหลายคดีเข้ามาเกี่ยวข้องเปรียบเทียบด้วย ไม่ว่าจะเป็นคดีคนท้องถิ่นสงขลาอย่างคดีอดีตนายกฯอบจ.สงขลาคนดัง “นายกฯแก่น” คุณนวพล บุญญามณี น้องชายหัวแหวนของคุณนิพนธ์ บุญญามณี อดีตคนดังประชาธิปัตย์และนายก อบจ.สงขลาคนปัจจุบัน จนถึงคดีรัฐมนตรีบางคนของพรรคไทยรักไทยของคุณทักษิณ ฯเป็นต้น             แต่คดีสำคัญสุดซึ่งได้รับการอภิปรายร่วมจาก “ชาวสภากาแฟ” อย่างกว้างขวาง คือคดีศาลฎีกาพิพากษาจำคุกนายสนธิ ลิ้มทองกุล คนดังหัวขบวนชาว “พันธมิตร” คนสำคัญที่ใครหลายคนเรียกเขาว่า “แมว 9 ชีวิต” นั่นไง!             บางใครในสภาฯถึงกับฟันธงลงไปด้วยเสียงอันดังทีเดียวว่า “เรื่องนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ คสช.ได้รับเต็มๆโดยไม่ต้องลงแรงออกทีวี.โฆษณาสักแอะ เป็นการ “เชือดคอไก่ให้ลิงดู” จนลิงตาเหลือกไปหลายตัวทีเดียวแหละ เพราะเข้าทองว่า มึงไม่เห็นหรือไง! ว่าคสช.ไม่ได้เลือกปฏิบัติ เล่นเอา “หนุ่มใต้ฝีปากคม” ปากทู่ไปหลายคน อย่างเช่น “พี่ตู่กับน้องเต้น”“นั่นไง!              สภากาแฟใน “ร้านน้ำชา” เก่าแก่เมืองสงขลาวันนั้นจบลงด้วยการที่สมาชิกค่อยๆแยกย้ายกันไปตามภารกิจตนเมื่อถึงเวลาเหมาะควรเหมือนทุกๆวัน โดยไม่มีใครช่วย เคลียร์คำตอบให้ได้เลยว่า ข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่อง “ทำไมคดีสำคัญๆที่มีนัยยะทางการเมืองจึงมักมาจบเอาช่วงนี้”              บางคนเพียงย้ำคำแบบสงสัยเพียงว่า “หรือ คสช.มีส่วน” จริงๆ?แต่ที่น่าสนใจมากกว่าก็คือ การเปรยเสียงลอยๆขึ้นของบางใครในวงที่ว่า “วาระนี้ ไม่รู้นายกฯยิ่งลักษณ์ จะรู้สึกเสียวๆคอหอยบ้างหรือเปล่า?”!!!