สถาพร ศรีสัจจัง ข้อสรุปถึงด้านความชั่วร้าย และหฤโหดสุดๆของระบบ “ทุนนิยมโลก” โดย “แม่ทัพใหญ่” แห่งกองทัพนักเขียนจีนยุคใหม่(ภายใต้การนำของประธานเหมา เจ๋อ ตง แห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน) คือนักเขียนนามอุโฆษที่ชื่อ “หลู่ซิ่น” ผู้เขียนวรรณกรรมชื่อก้องโลกอย่าง “The true story of R Q.” ( “ประวัติจริงของ อาร์ คิว.” แปลเป็นภาษาไทยครั้งแรกโดย “เดชะ บัญชาชัย นามปากกาของ “เดโช บุญชูช่วย” ชาวสุราษฎร์ธานี) และ งานชุมนุมบทกวีร้อยแก้วชุด “Wild Grasses” (“หญ้าป่า” แปลเป็นพากย์ไทยครั้งแรกโดย “พวงร้อย คำเรียง”) ฯลฯ ก็คือ “กินคน” !! คำ “กินคน” ของท่าน “หลู่ซิ่น” ในความหมายนี้หมายถึงว่า โดยธรรมชาติของระบบ “ทุนนิยม” (ซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจกระแสหลักของโลกยุคใหม่ ที่เมื่อถึงยุค “ดิจิทัล” ปัจจุบัน ตัวธรรมชาติของระบบได้พัฒนาตัวเองเข้าสู่ระบบผูกขาดที่สมบูรณ์แบบแล้ว!) แล้วมีธรรมชาติของการทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมาย คือ “กำไรสูงสุด” ระบบ “ทุนนิยม” ดังกล่าว จึงมักมีธรรมชาติทางจริยธรรมที่รูปแบบความสัมพันธ์ทางการผลิตของระบบ “ทุน” จัดตั้งขึ้นเอง ซึ่งมักปรากฏรูปเป็นจริยธรรมแบบกลไก (Mechanic) ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากธรรมชาติของระบบสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนความเหมาะสมเป็นองค์รวม ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกัน/ระหว่างมนุษย์กับสิ่งธรรมชาติอื่นๆ/และ ระหว่างมนุษย์กับสิ่งเหนือธรรมชาติ(สิ่งที่มนุษย์ยังไม่รู้) เป้าหมายก็คือ “ให้มนุษย์ได้ประโยชน์สูงสุดเท่านั้น สิ่งอื่นจะพินาศหายนะอย่างไร,ไม่เกี่ยว!” ปรากฏการณ์ของรูปแบบจริยธรรมดังกล่าวที่ชัดเจนก็คือ สิ่งที่เรียกว่า “กฎหมาย” (Law) หรือถ้าจะพูดให้ดูดีเป็นเชิงวิชาการเสียสักหน่อยก็คือ “ระบบนิติศาสตร์” (ที่มาของคำที่ “นักต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมทางสังคม” ยุคปัจจุบันชอบเรียกร้องหา คือคำ “นิติรัฐ” หรือ “Law State” นั่นเอง!) เริ่มตั้งแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายอาญา กฎหมายแพ่ง-พาณิชย์ จนถึง กฎหมายสิ่งแวดล้อม หรือ กฎหมายป่าไม้ ก็เถอะ! ชุมชนหรือสังคมในโลกแห่งใดก็ตาม ที่ไม่ว่าจะเพราะถูกบีบบังคับกดดันด้วยอำนาจ, ทั้งอำนาจที่เกิดจากแสนยานุภาพของอาวุธหรือกองทัพ หรือแสนยานุภาพทางเศรษฐกิจ หรือที่ไปมีศรัทธาปสาทะสมาทานรับเอาระบบทุนนิยม(เสรี)มาจาก “เมืองแม่” คือประเทศที่เป็นแหล่งเกิดของระบบทุนนิยมทั้งหลาย ที่มีบรรดาประเทศเก่าแก่ในยุโรป อย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส และ เยอรมนี เป็นต้น รวมไปถึงสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ ตามด้วยเอเซียเราบางประเทศ (โดยเฉพาะญี่ปุ่น-จีนนั้นพัฒนาทุนขึ้นภายหลังและมีลักษณะพิเศษที่อาจเรียกได้ว่าเป็น “สังคมทุนนิยมไม่เสรี”!) ล้วนแล้วแต่ต้อง “ดำเนิน” วิถี “การพัฒนาประเทศ” ไปตามที่ “กระแสหลัก” ของระบบทุนนิยมโลก ซึ่งมี “กลุ่มทุนผูกขาด” ในประเทศจักรวรรดนิยมดังที่กล่าวชื่อมาทั้งหลายเป็นผู้ “โปรแกรม” ให้! ความ “ล่มสลาย” ของทรัพยากรธรรมชาติโลก ความล่มสลายของความหลากหลายทางชีวภาพ และความหลากหลายทางวัฒนธรรม(โครงสร้างชั้นบนที่เป็นอัตลักษณ์ของแต่ละชุมชนและสังคม) ความเหลื่อมล้ำในความสามารถที่จะเข้าถึงความหลากหลายของทรัพยากร ดุลยภาพของภาวะธรรมชาติ ... และท้ายสุดคือความล่มสลายทาง “ภูมิศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์โลก” ! ทั้งหมดล้วนมีเหตุปัจจัยพื้นฐานอยู่ที่ระบบ “ทุนนิยมเสรี” ที่มีจุดมุ่งคือ “ทำกำไรสูงสุดให้แก่กลุ่มทุนผูกขาดและบรรดาสมุน” นั่นเอง! นี่จึงเป็นที่มาของข้อสรุปแห่งวาทกรรม “ทุนนิยมกินคน” ของท่านนักเขียนนามอุโฆษคือ “หลู่ซิ่น” ที่ตราไว้แล้วตั้งแต่เมื่อเกือบร้อยปีก่อน! มีใครตระหนักในเรื่องนี้กันอย่างจริงจังบ้าง? ต้องขอบคุณคนอย่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนก่อนของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่แสดงทรรศนะอย่างชัดเจนว่าเขาไม่เห็นด้วยกับกระบวนการ “แก้ปัญหาโลกร้อน” และประกาศถอนตัวจากอนุสัญญาของสหประชาชาติในเรื่องดังกล่าวทันที ไม่ให้เงินนสนับสนุนและโต้แย้งในฐานะเป็น “หัวโจกทางความคิดแบบทุนนิยมล้างโลก” ตามเนื้อหาของ “แนวทาง” ระบบเศรษฐกิจแบบอเมริกันของจริง'! เพราะอย่างน้อย ก็ยังแสดงตัวว่ากล้าหาญ แบบที่วัฒนธรรมคนไทยยุคเก่าเรียกว่าเป็น “นักเลงจริง” ไม่ใช่เป็นพวก “อีแอบ” ที่ “ปากอย่าง ทำอย่าง” ดังบรรดา “ท่านผู้นำ” ประเทศจัดรวรรดินิยมทุนโลกในปัจจุบัน ที่เพิ่งจัดประชุม COP26 ในนามของ “องค์การสหประชาติ” เสร็จสิ้นไปหมาดๆ ที่กรุงกลาสโกว์ เมืองสกอตแลนด์ เพียงเพื่อให้พวกเขาได้พ่นน้ำลาย สร้าง “ประดิษฐกรรมคำหรู ดูดี” หลอกลวงชาวโลก (ตามหน้าที่) เพื่อดำรงไว้ซึ่ง “กำไรสูงสุด” ของบรรดากลุ่มทุนนิยมผูกขาดโลกต่อไป! ในฐานะชาวพุทธ เมื่อได้ใช้หลักปฏิจจสมุปบาทพิเคราะห์หาเหตุได้โดยใช้หลัก “การอิงอาศัยเกิดขึ้นซึ่งกันและกันของสิ่ง” จนพบเหตุเกิดชัดเจนแล้ว ว่าในกรณี “มิคสัญญี” เรื่องโลกร้อน ที่กำลังรุกรานโลกอยู่ขณะนี้ในทุกเขต “ภูมิรัฐศาสตร์” จนก่อเกิดหายนภัยต่อชีวิตมนุษยชาติ ทั้งน้ำท่วมใหญ่ ไฟป่า ร้อน แล้งจัด น้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำทะเลทะลักท่วมสูง เกิดโรคระบาดใหญ่ ฯลฯ อย่างกว้างขวางน่าอเนจอนาถ ไม่ยกเว้นแม้กระทั่งในบรรดาประเทศหัวโจกจักรวรรดิทุนนิยมโลก (ผู้ก่อเหตุหลัก) อย่าง สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น หรือ จีน นั้น แท้ที่จริงก็คือ “ระบบทุนนิยมบริโภคเสรี” แล้ว... พวกเราคนไทยเรานี่แหละ จะทำอะไรกันบ้างดีละ?(What is to be done?) หรือยังจะต้องเดินตามก้นพวกชาติจักรพรรดนิยมหฤโหดอย่างสหรัฐอเมริกาและพวก ไปต้อยๆ ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่า ทางสายนี้จะนำประชาชาติเราไปสู่นรกภูมิอย่างแน่นอน? นายกฯลุงตู่ละว่าไง?หายมึนจากโรค “ธรรมนัสโฟเบีย” แล้วหรือยัง? ลองกล้าหาญประกาศ “วิถีทางแห่งพุทธ” ให้ลือลั่นสนั่นโลกด้วยระบบเศรษฐกิจแบบ “ทางสายกลาง” แบบที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงวางไว้ให้แล้ว คือระบบ “เศรษฐกิจพอเพียง” นั่นไง ลืมแล้วหรือ? หรือ ยังอดเป็นห่วงเรื่องตัวเลขมหาศาลที่เห็นๆจาก “อภิมหาโปรเจกต์” อย่างโครงการ บี.อี.ซี(B.E.C.)ไม่ได้?