สถาพร ศรีสัจจัง ภาพนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบันคือนายฟูมิโอะ คิชิดะ เดินสายพล่านไปทั่ว ทั้งในอาเซียนและยุโรป เพื่อประกาศให้โลกรู้อย่างองอาจ(ตามวิสัยเลือดบูชิโด?)ว่า ต่อไปนี้ญี่ปุ่นจะเดินตามหลัง “มิตรแท้” คือสหรัฐอเมริกาอย่างใกล้ชิดแบบสุดจิตสุดใจ กลายเป็นภาพที่หลายคนซึ่งยังพอมีความทรงจำเกิดความสงสัย! คือสงสัยว่า นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นปัจจุบันคนนี้ ลืมเรื่อง “การฆ่าคนบริสุทธิ์อย่างอำมหิตเลือดเย็น” ของผู้นำแห่งมหาอำนาจประเทศชื่อนั้น โดยการสั่งทิ้งระเบิดปรมาณู (นิวเคลียร์นั่นแหละ) ลงบอมบ์เหนือเมืองฮิโรชิมะและนางาซากิของญี่ปุ่น ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 จนทำให้พลเมืองผู้บริสุทธิ์ของญี่ปุ่นทั้งทั้งที่เป็นชาวบ้านธรรมดาๆ ผู้หญิง และเด็กๆ ต้องล้มตายกันกลาดเกลื่อนเมืองในพริบตา ไปแล้วหรือ? ทั้งพิษร้ายจากสารกัมมันตภาพรังสีของระเบิดนิวเคลียร์ดังกล่าว ยังส่งผลข้างเคียงก่อโรคร้าย (ที่เรียกว่า “มินามาตะ”)ให้ชาวเมืองนั้นในชั้นหลังๆต้องรับกรรมกันสืบมาฟังว่า,กระทั่งปัจจุบันสภาวะดังกล่าวก็ยังคงดำรงอยู่! ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายฟูมิโอะ คิชิดะ คนนี้ เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของชาวเมืองฮิโรชิมะแท้ๆ วิญญาณปู่ย่าตายาย ญาติโกโหติกา และบรรพชนชาวเมืองบ้านเกิดของตัวเองที่ต้องตายไปเพราะน้ำมือของสหรัฐอเมริกา ไม่ตามมาหลอกมา “หลอน*จิตสำนึก” หรือ “มโนธรรม” เอาบ้างเลยหรือ? ถ้าเขาจะอ้างว่า พฤติกรรมที่ได้ตัดสินใจแทนชาวญี่ปุ่นในการ “เลือก” สนับสนุนและ “เข้าข้าง” สหรัฐอเมริกา ในความขัดแย้งกรณี “ยูเครน” ที่เกิดขึ้น (และยังดำรงอยู่ รวมถึงน่าจะมีแนวโน้มขยายปัญหาและความรุนแรงกว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องเวลาและพื้นที่ เพราะมีมหาอำนาจบางประเทศบางกลุ่มต้องการให้เป็นเช่นนั้น เพื่อประโยชน์ของตนและกลุ่มทุนใหญ่พ่อค้าอาวุธสงครามและพลังงานในประเทศตน) นั้นก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ประเทศตัวเอง ก็เพื่อความปลอดภัยและผลประโยชน์ของประเทศ ก็น่าจะประเมินได้ว่า เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง เหมือนที่เคยพลาดมาแล้วเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2! เพราะคนทั้งโลกที่พอจะมีมโนธรรมและมีความรู้ความเข้าใจเรื่อง “ประวัติศาสตร์โลก” อยู่บ้าง ย่อมรู้ดีว่า ชนชั้นนำของประเทศที่ผู้นำญี่ปุ่นเลือกเข้าข้างแบบ “สุดจิตสุดใจ” ครั้งนี้ เป็น “นักค้าสงคราม” และมีปฏิบัติการ “ฆ่าคน” ทั้งในประเทศตัวเอง (กรณีคนอินเดียนแดงพื้นเมืองที่เป็นเจ้าของแผ่นดินประเทศนั้นมาก่อน) และในประเทศอื่นแทบจะทั่วโลก (ตั้งแต่สถาปนาตัวเองเป็นมหาอำนาจฝ่าย “ประชาธิปไตย” หลังสงครามโลกครั้งที่ 2) มามากมายอย่างไร! ใครไม่เชื่อก็ให้ลองไปค้นคว้าศึกษาข้อมูลดูกันเอาเองเถิด ว่าชาติพันธุ์อินเดียนแดงซึ่งเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมของ “ทวีปอเมริกา” ต้องตายกันไปมากน้อยเท่าใด เพื่อการ “ขยายพื้นที่และอิทธิพล” ในการ “สร้างความมั่งคั่งและมั่นคง” ให้กับประเทศที่ชื่อ “สหรัฐอเมริกา” ยุคบุกเบิก ประเทศสหรัฐอเมริกาที่เพิ่งมีอายุอานามเพียง 200 กว่าปี เท่ากับประเทศไทยยุครัตนโกสินทร์เท่านั้นเอง! ส่วนเรื่องที่สหรัฐอเมริกาไปเที่ยวแทรกแซง ยุแยงตะแคงรั่ว และเข้าไป “จุ้น” กับประเทศต่างๆทั่วโลก จนเกิดการฆ่ากันไปทั่วทั้งโดยตรงและโดยอ้อม อย่างที่รู้ๆกันนั้น ถ้าจะพูดถึงกันในรายละเอียดนก็คงต้องแจงนับกันเป็นหลายพันเล่มเกวียนทีเดียว โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ที่สหรัฐฯผงาดขึ้นเป็น “มหาอำนาจโลก” (เพราะได้รับผลประโยชน์ทั้งทางตรง และทางอ้อมจากสงครามครั้งนั้นอย่างมหาศาล ขณะที่รัสเซียต้องสละชีวิตคนไปถีงกว่า 25 ล้านคนเพื่อชัยชนะในสงครามโลกครั้งนั้น) แทนบรรดาชาติจักรวรรดินิยมเก่าแก่อย่างยุโรปที่ซูบโทรมลงจนแทบจะ “บ่มิไก๊” อยูรอมร่อ! ลองไปคลิกหาดูกันเอาเองก็แล้วกัน เช่น สหรัฐอเมริกามีส่วนในการโค่นล้มราชวงศ์ชิงในจีนอย่างไร? และเข้าไปเกี่ยวข้องสนับสนุนฝ่ายก๊กมินตั๋งของเจียงไคเชกเพื่อสู้รบกับกองทัพพรรคคอมมิวนิสต์จีนภายใต้การนำของ ประธานเหมา เจ๋อ ตุง(หลังหนุนให้จีนทำสงคราม “รักชาติ” ชนะญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว)เช่นใดและเท่าใด? เล่าแบบหยาบๆให้ฟังสักหน่อยก็ได้ นับแต่ช่วงปีคศ.1945-1949 สหรัฐอเมริกาส่งกำลังอาวุธและทหารเข้าตั้งมั่นอยู่ตามจุดยุทธศาสตร์ต่างๆของแผ่นดินจีน เช่นแถบมณฑลเหอเป่ย ชานตง ไม่น้อยกว่า 5 หมื่นนาย สนับสนุนงบประมาณแก่เจียง ไค เช็ค ไม่น้อยกว่า 4 พันล้านเหรียญอเมริกันฯลฯ หรือไม่ก็ลองไปคลิกดูประวัติศาสตร์ช่วงสมัยใหม่หมาดๆเกี่ยวกับเรื่องราวของประเทศดังรายชื่อต่อไปนี้ดูบ้างก็ได้ ว่าอเมริกาเข้าไปแทรกแซงจนก่อให้เกิดการฆ่ากัน ทั้งจากการทำรัฐประการและสงครามกลางเมืองอย่างไร และ มากน้อยสักเท่าไหร่?! ได้แก่ อียิปต์ ชิลี แอฟริกาตะวันออก อิหร่าน อิรัก ซีเรีย เลบานอน คิวบา เวเนซูเอลลา เฮติ ซูดาน ลิเบีย และ อัฟกานิสสถาน เป็นต้น เอเชียอาคเนย์เรานี่แหละ ในอดีตอันใกล้ อาจนับได้เลยว่าสหรัฐอเมริกาเข้ามา “จัดการ” แทรกแซงแบบโจ่งครึ่มทีเดียวเชียวหล่ะ! ทั้งในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทยแลนด์ โดบเฉพาะเวียดนาม ลาว และกัมพูชา ! โดยเฉพาะในเวียดนาม บาดแผลเหวอะหวะจากการฆ่าคนของสหรัฐอเมริกายังประทับรอยหมาดๆอยู่เลย คนเวียดนามตายไปเท่าไหร่? คนหนุ่มอเมริกันที่ถูกเกณฑ์มารบตายไปเท่าไหร่? และทหารไทยละ ตายไปเท่าไหร่?(เพื่อให้ผู้นำได้สนองกิเลสพันธมิตรเก่าแก่?) ฯลฯ หรือบรรดาท่านผู้นำของเวียดนามวันนี้ ก็จะเข้าอีหรอบเดียวกับนายกฯญี่ปุ่นเช่นกัน คือ “ลืมง่าย” จนกลายเป็นเห็นด้วยและสนับสนุนสหรัฐอเมริกา “อเมริกาที่เพิ่งมาฆ่าคน” (ในนามของอะไรก็เถอะ!) ในประเทศเวียดนามไปมากมายสักเมื่อ 2-3 ทศวรรษก่อนนี่เอง! เพราะเห็นก็กระดีกระดาต้อนรับนัก “ล็อบบี้” อยู่ไม่น้อยเหมือนกันนี่! ขอแถมอีกเรื่อง อยากฝากถึงบรรดา “นักสู้” รุ่นนี้ ที่เชิดชู “เช เกวารา” เป็น “ต้นแบบวีรบุรุษ” ด้วยว่า ช่วยศึกษาให้ลึกๆสักหน่อยด้วยว่า “เช” ของพวกคุณก็ถูกสั่งฆ่าโดยแรงผลักแรงดันของ “ซีไอเอ.” องค์กรมหาวินาศของสหรัฐอเมริกานั่นหรือเปล่า? แล้วยังมี “จิตร ภูมิศักดิ์” ของไทยเราอีกละ คนยิงคุณจิตรได้รับรางวัลไปท่องเที่ยวประเทศไหนกันรู้ไหมเอ่ย?