เสือตัวที่ 6

กระบวนการการพูดคุยเพื่อนำสันติสุขมาสู่คนในพื้นที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้ เดินหน้ามาอย่างยาวนาน บนความพยายามของทั้งฝ่ายรัฐและกลุ่มเห็นต่างมาอย่างต่อเนื่องเป็นลำดับ แม้บนเส้นทางของการพูดคุยในระดับผู้แทนรัฐบาลไทยจะขับเคลื่อนการพูดคุยควบคู่ไปกับเวทีพูดคุยในระดับภูมิภาคที่มีแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยฝ่ายรัฐจะพยายามทำงานกันอย่างเข้มข้น หากแต่ในความพยายามทั้งหลายเหล่านั้น ก็มีการส่งสารต่างๆ ผ่านมาให้ฝ่ายรัฐได้รับรู้อย่างไม่เป็นทางการอย่างต่อเนื่อง ข้อเรียกร้องและเงื่อนไขความต้องการต่างๆ ของฝ่ายเห็นต่างจากรัฐ ได้ถูกส่งผ่านมายังเวทีทางวิชาการต่างๆ อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นความต้องการยกระดับมาตรฐานกระบวนการพูดคุยสันติภาพหรือสันติสุขให้มีมาตรฐานสากล โดยอาจจะแอบแฝงความต้องการของฝ่ายขบวนการให้เกิดการยกระดับให้กระบวนการพูดคุยสันติภาพหรือสันติสุขครั้งนี้ ให้เป็นเวทีระดับนานาชาติ ซึ่งแน่นอนว่าภาครัฐย่อมไม่เห็นด้วยกับวาทกรรมของฝ่ายเห็นต่างจากรัฐในประเด็นดังกล่าว หรือแม้กระทั่งกระบวนการพูดคุยที่ฝ่ายเห็นต่างจากรัฐ เรียกร้องให้มีประเทศตัวกลางอื่นๆ เข้ามามีบทบาทในการพูดคุยสันติภาพหรือสันติสุขให้มากขึ้นกว่าที่จะมีประเทศมาเลเซียเพียงประเทศเดียวในการเป็นตัวกลางในการพูดคุยระหว่างรัฐกับกลุ่มเห็นต่าง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วกระบวนการพูดคุยสันติสุขครั้งนี้ ประเทศมาเลเซียเป็นเพียงประเทศผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุยระหว่างรัฐกับกลุ่มเห็นต่างเท่านั้น หาได้เป็นตัวกลางในการเจรจาแต่อย่างใดไม่

นอกจากนั้น ข้อเรียกร้องอย่างไม่เป็นทางการที่มีขึ้นตลอดห้วงเวลานอกเหนือจากเวทีการพูดคุยอย่างเป็นทางการ ยังมีประเด็นร้อนๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องให้รัฐยอมให้คนในพื้นที่มีการใช้กฎหมายอิสลามเป็นกฎกติกาในการปกครองดูแลของคนในพื้นที่เอง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นย่อมเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าพื้นที่แห่งนั้น มีความเป็นอิสระหรือจะเรียกว่ามีอธิปไตยเป็นของตนเองซึ่งรัฐเองย่อมยอมได้เป็นอันขาด หรือการพยายามยื่นข้อเรียกร้องแสดงให้เห็นความต้องการของคนในพื้นที่อย่างมีนัยแอบแฝงว่า คนในพื้นที่ต้องการสันติสุข ลดความรุนแรงด้วยการให้รัฐถอนกองกำลังติดอาวุธออกไปจากพื้นที่ โดยอ้างว่าความรุนแรงในพื้นที่ทั้งหลายที่ผ่านมา เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นต้น ทั้งการใช้กฎหมายพิเศษ การไล่ล่า การปิดล้อมตรวจค้น และการใช้กำลังเข้าบังคับใช้กฎหมายต่างๆ ทั้งที่ความรุนแรงหลายครั้งหลายหน เกิดจากกลุ่มคนหัวรุนแรงแนวคิดสุดโต่งของขบวนการเป็นฝ่ายก่อเหตุร้ายต่อต้านอำนาจรัฐ และพยายามส่งสารให้รัฐและประชามโลกได้รับรู้ถึงความขัดแย้งทางอาวุธระหว่างรัฐกับคนในพื้นที่ตลอดมา

สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ย่อมชี้ชัดว่า กลุ่มคนเห็นต่างจากรัฐเหล่านี้ มีเป้าประสงค์หลักในกระบวนการพูดคุยสันติสุขหรือการเจรจาสันติภาพที่น่าจะย้อนแย้งกับความต้องการสันติภาพอย่างที่ฝ่ายขบวนการพยายามสื่อสารให้ประชาคมโลกได้แลเห็น แม้แต่ชื่อเรียกกระบวนการนี้ที่ฝ่ายรัฐจะใช้คำว่า การพูดคุยสันติสุข เพื่อชี้ให้เห็นว่า เป็นการพูดคุยเพื่อแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งด้วยคนในพื้นที่ประเทศนี้เอง ในขณะที่กลุ่มเห็นต่าง พยายามใช้คำเรียกกระบวนการนี้ว่า การเจรจาสันติภาพ เพื่อต้องการยกระดับการแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งนี้ขึ้นสู่ระดับสากล ทั้งยังต้องการยกระดับสถานะของฝ่ายขบวนการนี้ ให้ทัดเทียมกับสถานะของรัฐอันเป็นนัยที่สำคัญของการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งเอกราชในการปกครองของขบวนการตามต้องการในที่สุด ในขณะที่ความพยายามสร้างเวทีและโอกาสในการเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันเพื่อการแสวงหาทางออกของปัญหาที่ไม่เข้าใจระหว่างกันตามวิถีทางของสันติวิธี โดยที่รัฐมีเป้าหมายสำคัญคือ การหลอมรวมความคิดความเห็นที่แตกต่างตามแนวทางที่เรียกกันว่าพหุวัฒนธรรมอันสวยงาม เป็นประตูสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขท่ามกลางความแตกต่างทั้งหลายที่แกนนำขบวนการหัวคิดสุดโต่งกลุ่มหนึ่ง ยังคงพยายามยื่นข้อเรียกร้องหรือเงื่อนไขต่างๆ ที่พยายามชี้ให้เห็นว่า เป็นความต้องการของคนในพื้นที่ ซึ่งนั่นยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญยิ่งในการก้าวไปสู่ความสำเร็จของกระบวนการพูดคุยสันติสุขได้ยากมากขึ้น

บนความพยายามแสวงหาทางออกของปัญหาความขัดแย้งตามกระบวนการพูดคุยสันติสุขดังกล่าวนั้น ยังคงมีอุปสรรคจากการตั้งเงื่อนไข ข้อเรียกร้องของฝ่ายเห็นต่าง ผ่านมายังเวทีเสวนาวิชาการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากแถลงการณ์ (อับดุล คาริม  ฝ่ายข้อมูล) ของบีอาร์เอ็น เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2565 ยังคงชี้ชัดถึงความคิดความเห็นที่แตกต่างอย่างสุดโต่งบนเส้นทางพูดคุยสันติสุขอย่างลุ่มลึก ทั้งยังแอบซ่อนความขัดแย้งปะปนไปกับการปลุกปั่นสร้างความเกลียดชังระหว่างคนในพื้นที่ปลายด้ามขวานกับคนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยแถลงการณ์ของบีอาร์เอ็นดังกล่าว ได้แอบซ่อนความเกลียดชังอย่างรุนแรง สร้างความหวาดระแวงหน่วยงานของรัฐให้เกิดขึ้นในความคิดและจิตใจของคนในพื้นที่แห่งนี้ในวงกว้าง ด้วยการสร้างวาทกรรมที่สร้างความเกลียดชัง ผ่านข้อความกล่าวหารัฐที่ว่า การเสียชีวิตของแกนนำสำคัญคนหนึ่งของขบวนการแห่งนี้ดังกล่าวข้างต้นเกิดจากการกระทำของรัฐ ทั้งที่ไม่มีหลักฐานการกล่าวหาที่ชัดเจนแต่อย่างใด ประกอบกับกลยุทธ์การเจรจาไป ต่อสู้กดดันด้วยอาวุธไปอย่างคู่ขนาน ยังคงเป็นรูปแบบที่ฝ่ายเห็นต่างจากรัฐนำมาใช้อย่างได้ผล            

เหล่านี้จึงเห็นได้ชัดว่าการส่งผ่านทางความคิดอันบ่งบอกถึงรูปแบบสุดท้ายที่ต้องการในสถานะของกลุ่มคนในพื้นที่ของแกนนำขบวนการ จะเกิดขึ้นทุกโอกาสที่เป็นไปได้อย่างลุ่มลึก ซ่อนเร้นความมุ่งประสงค์ที่แท้อย่างแยบยล เพื่อเป้าหมายในรูปแบบสุดท้ายของพวกเขาคืออิสระในการดูแลปกครองกันเองของคนในพื้นที่แห่งนี้ ด้วยกระบวนการเจรจาพูดคุยอย่างสันติวิธี แทรกปนไปด้วยวาทกรรมปลุกความเห็นต่างสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คู่ขนานกับการใช้ความรุนแรงดำรงจิตวิญญาณการต่อสู้กับรัฐในทุกมิติ เหล่านี้คือรูปแบบสุดท้ายในกระบวนการเจรจาสันติภาพที่ต้องการที่แท้ของขบวนการเห็นต่างจากรัฐ ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบสุดท้ายในกระบวนการพูดคุยสันติสุขตามที่รัฐต้องการอย่างสิ้นเชิง