สถาพร ศรีสัจจัง

แม้คริสโตเฟอร์  โคลัมบัส จะได้ชื่อว่าเป็นผู้เดินทางถึงทวีปอเมริกาเหนือก่อนนักสำรวจดินแดนใหม่คนอื่นใด แต่คนที่ค้นพบอเมริกาเหนือและเหยียบลงสู่แผ่นดินนั้นที่แท้จริงๆคนแรกๆ คือบุรุษนาม “อเมริโก เวสปุคซี”(Amerigo  Vespuccl) ประเทศ “สหรัฐอเมริกา” ปัจจุบันจึงมีนาม “อเมริกา” มาจนถึงทุกวันนี้!

ฟังว่าก็เพื่อเป็นที่ระลึกถึงนักเดินเรือสำรวจแผ่นดินใหม่คนสำคัญชาวอิตาลีคนนี้นี่เอง!

นับตั้งแต่ยุคคริสต์ศตวรรษที่ 16 โน่นแล้ว ที่การสำรวจดินแดนใหม่เพื่อ “การแสวงหาทรัพยากรใหม่” และเพื่อ “การตั้งถิ่นฐานใหม่” 

หรือจะพูดให้ชัดๆตรงๆก็คือ “การแข่งขันกันขยายอำนาจจักรวรรดิ” ของบรรดาชาติมหาอำนาจที่เป็นชาติ “จักรพรรดินิยม” ในยุโรปยุคเก่านั่นเอง

การตั้งถิ่นฐานในแผ่นดินทวีปอเมริกาเหนือส่วนที่เป็นประเทศสหรัฐอเมริกาในปัจจุบันก็เช่นกัน ในยุคแรกๆของการเข้าตั้งถิ่นฐานนั้น ชาติจักรวรรดินิยมเก่าแห่งยุโรป ตั้งแต่โปรตุเกส ฮอลันดา (หริอเนเธอร์แลนด์) สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส และที่สำคัญคือผู้ยิ่งใหญ่อย่างสหราชอาณาจักรหรืออังกฤษ 

ล้วนแล้วแต่บุกเข้ายึดแต่เขตลำแม่น้ำแต่ละสาย เพื่อตั้งถิ่นฐานเป็นเขตพื้นที่ “ยึดครอง” ของตน!

ซึ่งแน่นอนท้ายที่สุด หลายชาติก็ต้องปะทะ คือ ต้องรบกัน!

อังกฤษพี่เอื้อยที่ยิ่งใหญ่กว่าใครเขา ยึดครองพื้นที่ “ดินแดนค้นพบใหม่” แห่งนี้ได้มากกว่าบรรดาชาติจักรวรรดิเก่าอื่นใดที่ส่วนใหญ่เริ่มมีแสนยานุภาพอ่อนแอลง

และมักจะใช้กำลังที่เหนือกว่าเอาชนะ “จักวรรดิอื่น” เช่น ฮอลันดา หรือ ฝรั่งเศส

ปีค.ศ.1607 อังกฤษก่อตั้งอาณานิคมแห่งแรกขึ้นในอเมริกาเรียกว่า “เจมส์ทาวน์” (Jamestown) ซึ่งก็คือรัฐเวอร์จิเนียในปัจจุบัน โดยการเริ่มนำทาสชาวแอฟริกาเข้ามาใช้งานครั้งแรกที่นี่ด้วย

ปี ค.ศ.1628 ฮอลันดา หรือ เนเธอร์แลนด์ ตั้งอาณานิคม “เนเธอร์แลนด์ใหม่” (New Netherlands)ขึ้น ประกอบด้วย นิว อัมสเตอร์ดัม(New Amstherdam ซึ่งก็คือ “นิวยอร์ก”ต่อมา) นิวเจอร์ซีย์/เดลาแวร์ และ เพนซิลเวเนีย

ช่วงนี้เองที่เกิดการแข่งขันกันระหว่างฮอลันดากับอังกฤษอย่างรุนแรง  อังกฤษบุกโจมตีและยึด “นิว อัมสเตอร์ดัม” ได้ในที่สุด ฮอลันดาจึงจำต้องทำสัญญายอมแพ้แก่อังกฤษ

อังกฤษยังคงเป็น “เจ้า” อาณานิคมในทวีปใหม่ “อเมริกา” รวมถึง 13 เขตพื้นที่ ในขณะเดียวกัน ชาติแม่คืออังกฤษก็เพิ่มการขูดรีดภาษีจากชาวอาณานิคมหนักขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน  โดยเฉพาะกับชาวอังกฤษที่หนีแผ่นดินแม่มาเพราะต้องการอิสรภาพและเสรีภาพ ทั้งทางการนับถือศาสนาและอื่นๆ

วัฒนธรรมที่พวกเขาติดมาจากเกาะอังกฤษเมืองแม่ประการหนึ่งก็คือ การ “ดื่มชา” (ซึ่งอังกฤษผูกขาด) อังกฤษขึ้นภาษีชาในอาณานิคมจนผู้คนเกิดภาวะสุดทน มีคนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันต่อสู้เพื่อการนี้ เรียกตัวเองว่ากลุ่ม “Son of Liberty” พวกเขาเริ่มปล้นชาจากเรือของอังกฤษ ในปีค.ศ.1773

อังกฤษโกรธจัด ทำการปิดเมืองท่าบอสตัน ความขัดแย้งลามไปสู่การเกิดกรณีอันโด่งดัง ที่เรียกกันภายหลังว่า “งานเลี้ยงน้ำชาที่บอสตัน” ( Boston Tea Party)

และ “งานเลี้ยงน้ำชาที่บอสตัน” นี่เองที่เป็นปฐมเหตุของการรวมตัวตัวกันเข้าของเขตอาณานิคมเพื่อการต่อสู้กับเจ้าอาณานิคมอังกฤษในท้ายที่สุด

มีการเปิดประชุมสภาขึ้นที่เมืองฟิลาเดลเฟีย ผลการประชุมมีมติให้ประกาศสงครามกับจักรวรรดิอังกฤษในปีค.ศ.1776!

หลังจากนั้นชาว 13 เขตอาณานิคมในอเมริกาก็มีการก่อตั้ง “กองทัพภาคพื้นทวีป” ขึ้น เพื่อทำสงครามกับเจ้าอาณานิคมอังกฤษภายใต้การนำของแม่ทัพที่ชื่อ “จอร์จ  วอชิงตัน”!

และในวันที่ 4 กรกฎาคม 1776 ชาว 13 เขตอาณานิคมก็มีมติให้ประกาศ “คำประกาศอิสรภาพสหรัฐอเมริกา” อันโด่งดังขึ้น โดยมีนายโทมัส  เจฟเฟอร์สัน เป็นผู้ยกร่างหลัก ดังที่วงการผู้สนใจประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาย่อมรู้ๆกันดีนั่นแหละ

แล้วกองทัพชาวของอาณานิคมภายใต้การนำของแม่ทัพใหญ่นาม จอร์จ  วอชิงตัน ก็ได้รับชัยชนะเหนือกองทัพจักรวรรดินิยมอย่างเด็ดขาด ประกาศก่อตั้งประเทศขึ้นเป็น “The United States of America” ในที่สุด

โดยมี “จอร์จ วอชิงตัน” ได้รับเลือกอย่างเป็นเอกฉันท์ให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของ ประเทศเป็นคนแรกในปีค.ศ.1789

แต่หลังจากนั้นไม่นาน คือในปี ค.ศ.1860 ก็เกิด “วิกฤติการเลิกทาส” ขึ้นในยุคสมัยของประธานาธิบดี “ฮับราฮัม  ลินคอร์น” ระหว่างรัฐฝ่ายเหนือที่ต้องการให้มีการเลิกทาส กับรัฐฝ่ายใต้ที่ต้องการให้ดำรงการมีทาสไว้ “วิกฤติการเลิกทาส” นี่เองที่นำสู่สงครามภายในครั้งร้ายแรงที่สุดของอเมริกันชน ที่รู้จักกันในนาม “สงครามกลางเมืองอเมริกา” (The American Civil War )

นี่ยังไม่ได้มีการประเมินกันเลยนะว่า เฉพาะช่วงระยะเวลาการก่อตั้งประเทศ บรรพชนอเมริกันได้ “สร้างบาป” ทั้งในเรื่อง การฆ่า “ศัตรู” ฆ่ากันเอง ฆ่าชาวพื้นเมืองดั้งเดิม ฆ่าควายไบซัน ฆ่าหมาป่าสีเทา ฯลฯ ไปมากน้อยสักเท่าไหร่ เรื่องนี้เอาไว้แจงรายละเอียดกันในคราวหน้าก็แล้วกันโปรดรอรับชม!!!!