สถาพร ศรีสัจจัง

จำได้ว่าเมื่อครั้งสหรัฐอเมริกายกกองกำลังทหาร (และพลเรือน) เข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศไทย เพื่อทำหน้าที่เป็น “ตำรวจโลก” ในข้ออ้าง “ปกป้องอินโด-แปซิฟิก” จาก “การรุกราน” ของ “ลัทธิคอมมิวนิสต์” โดยการเปิดประเทศอย่างโล่งโจ้งล่อนจ้อน ด้วยความเต็มอกเต็มใจ(อย่างยิ่ง)ของจอมพลสฤษดิ์  ธนะรัชต์ ต้นแบบหัวหน้าคณะรัฐประหารคนสำคัญที่สุดของประเทศไทย  ตั้งแต่ช่วงต้นพุทธศตวรรษ 2500 โน่นแล้วนั้น !                  

มี “บางใคร” เคยโยนคำถามขึ้นในวงสัมนาทางวิชาการบางวง ในห้วงเวลาครั้งกระนั้นว่า  “ประเทศที่มีอายุเพียง 200 ปี ที่ชื่อ “สหรัฐอเมริกา” ประเทศนั้น เป็นต้นเหตุทำให้คนบริสุทธิ์ ทั้งคนแก่ ผู้หญิงและเด็กๆ ในประเทศต่างๆของโลกต้องตายและต้องพิการ ทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมไปแล้วสักเท่าไหร่กันแน่?”

ปีหน้า (พ.ศ.2566) ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับไทยแลนด์ จะครบ 205 ปี!

คงจะมี “ข้อเสนอ” จาก “มหามิตรเก่าแก่” เพื่อการ “รื้อฟื้น” อะไรๆ ที่จะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่สนิทแน่นแฟ้นขึ้นหลายประการเป็นแน่ เพราะฟังดูนโยบายใหม่เกี่ยวกับพื้นที่ “อินโด-แปซิฟิก” (โดยเฉพาะอาเซียน)ของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีชราแห่งสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบัน จากพรรคเดโมแครตแล้ว ดูเหมือนจะต้องการได้ “ไทยแลนด์” เป็น “ฐาน” รองรับอำนาจเพื่อการปิดล้อมจีนอย่างชัดเจน

และดูเหมือนเรื่องดังว่าจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมบ้างแล้ว  นำร่องโดยการฟื้นฟูความร่วมมือทางด้านสาธารณสุข ที่สหรัฐอเมริกามา “ลงทุน” ไว้แล้ว ตั้งแต่ครั้ง “สงครามเย็น” เมื่อ 60 กว่าปีก่อนโน่น…

บุคลากรในโครงการที่ส่วนใหญ่เป็นคนไทยก็ยังคงทำงานกันอยู่ แม้ดูจะลดความคึกคักลงในห้วงเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากสหรัฐฯ แพ้สงครามอย่างไม่มีหูรูดในเวียดนาม และเฉพาะในเมืองไทย ก็ถูกขบวนการนักเรียน นักศึกษาประชาชนที่ “ตื่นตัว” หลังเหตุการณ์ 15 ตุลาฯ(2516) ก่อขบวนขับไล่จนต้องถอน “ฐานทัพ” ถอยร่นออกไปในท้ายที่สุด!

จะร่วมมืออะไรก็ร่วมมือเถิด ขออย่างเดียวถ้าผู้นำ หรือนักการเมืองผู้มีอำนาจคนไหน (ไม่ว่าจะมาจากการซื้อเสียงจนชนะเลือกตั้ง/หรือจะมาจากการรัฐประหาร)ยอมให้สหรัฐฯเข้ามาตั้งฐานทัพ ขนทั้งกองกำลังทหารและสรรพาวุธเข้ามาสุม(เพื่อใช้ฆ่าคน)ไว้ในประเทศไทยอีก…เหมือนที่ทหารอเมริกันเคยมาเดินกันเพ่นพ่านในไทยถึง 4 หมื่น 5 พันคน(เพื่อฆ่าคนในเวียดนาม ลาว และกัมพูชา?) ในปี พ.ศ.2511 แล้วละก็…

รับรองอ้ายหรืออีคนนั้นหรือกลุ่มนั้น (รวมทั้งบรรดาผู้สนับสนุน) คงจะอยู่เมืองไทยอย่างมีความสุขได้ยาก…แน่ๆ!

ออกไปนอกเรื่องเสียไกล กลับมาที่เรื่อง “บาปบรรพชน” ที่คนรุ่นก่อนของสหรัฐฯสร้างไว้ให้อเมริกันชนคนรุ่นนี้ ที่อาจจะต้อง “รับบาป” แทน พอให้เห็นร่องรอยของ “บาป” ที่ว่าสักหน่อยก็แล้วกัน

เอาเพียงเรื่องใหญ่ๆฉกรรจ์ๆ เป็นตัวอย่างสัก 2-3 เรื่องก็น่าจะพอ…

เรื่องแรก กรณีญี่ปุ่น (ประเทศที่ความจำสั้น?) ใครก็รู้ว่าสหรัฐอเมริกาตัดสินใจ “ฆ่าพลเรือนผู้บริสุทธิ์” (ทั้งเด็ก คนชรา และผู้หญิง) ในประเทศนั้น โดยตัดสินใจ “ทิ้งระเบิดปรมาณู” (ที่ตัวเองก็ยังไม่รู้ชัดถึงอานุภาพการทำลายล้างของมัน) ใส่เมืองฮิโรชิมะและนางาซากิ จนทำให้คน 2 เมืองนั้นของญี่ปุ่นต้องเสียชีวิตไปในคราเดียวถึงประมาณ 7 แสนคน นี่ยังไม่นับคนที่ต้องบาดเจ็บ พิการ และทุกข์ทรมาณจากอำนาจของรังสีปรมาณูอีกมากมายเหลือคณานับ

สหรัฐอเมริกาในฐานะผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2  ได้รับฉันทานุมัติให้เข้ายึดครองและปกครองประเทศญี่ปุ่นรวมเวลาถึง 7 ปี(ญี่ปุ่นไม่เคยถูกยึดครองโดยมหาอำนาจชาติไหนนอกจากอเมริกา) และในช่วงเวลาดังกล่าว ภายใต้การปกครองอย่างเบ็ดเสร็จของ นายพลแม็คอาเธอร์(I shall return!) ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลอเมริกา ได้มีการลงโทษ “อาชญากรสงคราม”ชาวญี่ปุ่นไปเป็นจำนวนไม่น้อย ทั้งประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต และลงโทษในแบบอื่นๆอีกมากมาย

แต่ดูเหมือนญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีสายเลือดชาวเมืองฮิโรชิมะวันนี้ จะไม่มีความทรงจำที่เจ็บปวดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เพราะเห็นยังคงเชิดชู และ เดินตามสหรัฐอเมริกาผู้ยึดครอง (และก่ออาชญากรรมฆ่าคน) ไปอย่างเชื่องๆเหมือนไร้ศักดิ์ศรีและไร้สำนึกทางประวัติศาสตร์!

มาที่สงครามอินโดจีน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สงครามเวียดนาม” เป็นกรณีที่ 2 หลังก่อสงครามขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลี จนทำให้ประเทศนั้นต้องแบ่งเป็นเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ มาจนปัจจุบัน จนทำให้ผู้คนทั้งทหารทั้งพลเรือนในครั้งนั้น ต้องเสียชีวิตไปเป็นจำนวนไม่น้อยแล้ว สหรัฐฯก็ย้ายสนามรบมาที่แหลมอินโดจีน!

เที่ยวนี้ “ไทยแลนด์” ถูกลากเข้าไปร่วมในฐานะผู้สนับสนุนสงคราม “เวียดนาม” อย่างเต็มตัว กลายเป็นที่ตั้งฐานทัพ(ทั้งบก-เรือ และอากาศ) ขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกา!

เครื่องบินรบทะยานขึ้นจากฐานในเมืองไทย บินไปทิ้งบอมบ์ถล่มทั้งเวียดนาม แล้วลามเข้าลาว และ กัมพูชา แต่… กองทัพสหรัฐฯก็แพ้สงครามแก่ชาวแหลมอินโดจีนตัวเล็กๆที่ล้าหลังด้านอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างเทียบกันไม่ได้ในท้ายที่สุด !

ประมาณการณ์กันอย่างหยาบๆว่า มีคนตาย และบาดเจ็บ(ทั้งทหารและพลเรือน) ในสงครามเวียดนาม (รวมลาว-กัมพูชา)ในช่วงสงครามที่ยาวนานถึง 20 ปี (2498-2518) ไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน!

ในจำนวนนี้มีทหารไทย (ตัวเลขทางการ) ร่วมตายด้วย 351 คน/บาดเจ็บ 1,358 คน!

มีทหารอเมริกันตายไปเพียงประมาณ 6 หมื่นคน และบาดเจ็บแค่ประมาณ 8 แสนคนเท่านั้น ก็แล่นหนีหางจุกตูดกลับอัสดงคตประเทศไปแล้ว!

เพราะพื้นที่หน้ากระดาษจำกัด จึงยกตัวอย่าง “วีรเวร” หรือ “บาป” ที่บรรพชนอเมริกันก่อไว้ให้เห็นชัดๆเพียง 2กรณี ยังมีเรื่องความตายของทาสชาวแอฟริกา ชนเผ่าพื้นเมืองดั้งเดิม (อินเดียนแดง) ที่ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์  การบุกเข้าไปฆ่าชาวอิรัก ลิเบีย อัฟกานิสถาน คองโก เซอร์เบีย โซมาเลีย และฯลฯ อีกมากมาย…

จนถึงวันนี้ สหรัฐอเมริกาก็ยังเป็นประเทศเดียวของโลก ที่ยังกระจายกองกำลังทหาร และตั้งฐานทัพอยู่ตามจุดยุทธศาสตร์ ต่างๆทั่วโลก เฉพาะในเอเซียเรา ก็เช่น ในญี่ปุ่น ในฟิลิปปินส์ ในเกาหลี และในหมูเกาะดีเอโกกาเซีย ในมหาสมุทรอินเดีย เป็นต้น ช่างพร้อมที่จะ “ก่อบาป” ได้ตลอดเวลาจริงๆ!