ในขณะที่สถานการณ์การเมืองนับถอยหลังไปสู่การเลือกตั้ง ที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดการณ์จะมีเงินสะพัดกว่า 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่การท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นฤดูร้อน โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ ที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศกว่า 20 ล้านคนจะหอบเม็ดเงินไปกระจายรายได้

ก็มีข้อมูลที่น่าจะเป็นข่าวดีๆ สำหรับเศรษฐกิจไทย ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า 2 เดือนแรก (มกราคม – กุมภาพันธ์) ปี 2566 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 113 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 37 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 76 ราย เม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 26,756 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 1,651 คน โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 25 ราย (ร้อยละ 22) เงินลงทุน 8,545 ล้านบาท สิงคโปร์ 19 ราย (ร้อยละ 17) เงินลงทุน 3,090 ล้านบาท สหรัฐอเมริกา 13 ราย (ร้อยละ 12) เงินลงทุน 1,314 ล้านบาท จีน 10 ราย (ร้อยละ 9) เงินลงทุน 10,987 ล้านบาท และ สมาพันธรัฐสวิส 6 ราย (ร้อยละ 5) เงินลงทุน 966 ล้านบาท รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบ การสร้างแบบจำลองแบบ 3 มิติ และการทำงานของแดมเปอร์เฉพาะทางบนคอมพิวเตอร์ องค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในโครงการรถไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับการเจาะลอด (Horizontal Directional Drilling) และองค์ความรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ความผิดพลาดในกระบวนการผลิตสินค้าประเภทนาฬิกาอัจฉริยะ (Smart Watch) เป็นต้น

เมื่อเปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 51 ราย คิดเป็นร้อยละ 82 (เดือน ม.ค. – ก.พ.66 อนุญาต 113 ราย / เดือน ม.ค. – ก.พ.65 อนุญาต 62 ราย) มูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 20,154 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 305 (เดือน ม.ค. – ก.พ.66 ลงทุน 26,756 ล้านบาท / เดือน ม.ค. – ก.พ.65 ลงทุน 6,602 ล้านบาท) และจ้างงานคนไทยเพิ่มขึ้น 412 ราย คิดเป็นร้อยละ 33 (เดือน ม.ค.-ก.พ.66 จ้างงาน 1,651 คน / เดือน ม.ค.-ก.พ.65 จ้างงาน 1,239 คน) โดยจำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนสูงสุด คือ ญี่ปุ่น เช่นเดียวกับปี 2565

นับเป็นช่วงที่โอกาสทองของไทย มาบรรจบกันหลายเรื่อง ที่ทุกภาคส่วนจะต้องช่วยกันต่อยอดโอกาสทองนี้ให้ได้มากที่สุด และยั่งยืนที่สุด เพื่อการพัฒนาและเติบโตของประเทศไทยที่แข็งแกร่ง มั่งคง ถาวร