สถาพร ศรีสัจจัง

มี “คน” จำนวนหนึ่ง พยายามอธิบายถึง ปรากฏการณ์หนึ่ง คือปรากฏการณ์ของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ที่ปัจจุบันเรียกกันเป็นภาษาไทยว่า “คน”  เรียกเป็นภาษา (ที่ฟังว่า) ค่อนข้างสากล (เพราะเคยเป็นภาษาของ “กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งทางซีกโลกตะวันตก” ที่มีอิทธิพลต่อ “คน” ด้วยกันในหลายด้านมาอย่างค่อนข้างยาวนาน ว่า “Human being” คือ สิ่งที่บรรดา “นักชีวพันธุ์วิทยา” ยุคปัจจุบันสันนิษฐาน (มักใช้ข้อมูลหลักฐานที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือ “ว่าพบจากหลักการทางการศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับ “บรรพชีวินวิทยา”)

พวก “นักวิชาการเหล่านี้(โลกปัจจุบัน)พยายามสรุปลงไปว่า สิ่งที่ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ นักเขียนซีไรต์ 2 สมัย อย่างคุณวินทร์ เลียววาริณ เรียกว่า “สิ่งที่เรียกว่าคน” นี้ เป็นสายชีวพันธุ์ที่พัฒนามาจากสิ่งที่เรียกว่า “โฮโมซาเปียน”(Homosapien)ซึ่งนักวิชาการจะรู้กันดีว่าว่า นี่เป็นการเรียกชื่อ “อันดับวานร”(ลิง) ประเภทหนึ่ง

ภายหลัง มีนักคิดที่เป็นสิ่งมีชีวิตจากสายพันธุ์นี้จำนวนไม่น้อย พยายาม “เรียนรู้” (คำ “การเรียนรู้” นี้ฟังว่า คือสิ่งสุดพิเศษที่สิ่งมีชีวิตชนิดนี้พัฒนาไปได้ไกลว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น แต่ก็ยังไม่มีใครสรุปชัดแบบแน่ใจได้นักว่าสิ่งนี้ เป็น “ด้านดี” หรือ “ด้านเลว”/ด้าน “สร้างสรรค์” หรือ “ทำลาย” ของชีวพันธุ์สิ่งชีวิตที่เรียกว่า “คน” หรือ “โฮโมซาเปียน” นั้นหรือไม่อย่างไร?

แต่ปราชญ์ทางด้าน “จิตวิญญาณ” ที่เป็น “นักคิด” คนสำคัญๆของโลกตะวันออกอย่างชาว “ชมพูทวีป” ในอดีตหรือ “อินเดีย” ในปัจจุบันบางท่าน พิจารณาคุณสมบัติของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ (ฟังว่าข้อสรุปส่วนใหญ่ของพวกท่านทั้งหลายเหล่านั้น มักเกิดจากการลงมือทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง) จนประจักษ์ว่า สิ่งมีชีวิตชนิดที่เรียกว่า “คน” นี้ มี “คุณสมบัติ” เป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญสุดอยู่ 2 ประการ เรียกว่า “จิตภาพ” หรือ “ใจ” กับ “กายภาพ” หรือ “ร่างกาย”

จากการค้นพบเหล่านั้น ทำให้ท่านบัญญัติศัพท์เรียกสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ต่อมาว่า “มนุษย์” เป็นภาษาของชาติพันธุ์ชาวชมพูทวีปหรืออินเดีย (ที่เคยมีอำนาจเหนือเพื่อนมนุษย์ในแถบทวีปเอเซียเช่นกัน) กลุ่มหนึ่งที่ อาศัยกันอยู่ในแถบแคว้นที่เรียกกันว่า “แคว้นมคธ” เรียกว่า “ภาษาบาลี” 

ภายหลังสังคมสยามหรือที่รู้จักกันในชื่อ “คนไทย” ในปัจจุบันรับคำนี้มาใช้ (โดยอิทธิพลทางวัฒนธรรมที่เรียกว่า “ศาสนาพุทธ”) ให้ความหมายว่า “ผู้มีจิตใจสูง”

โปรดฟังให้ดีนะ ตรงนี้สำคัญมาก เพราะไปเน้นที่คุณลักษณะพิเศษที่ท่านเรียกว่า “จิต” (หรือ “ใจ”) ซึ่งก็คือเรื่องที่เรียกว่า “จิตภาพ” นั่นเอง ท่านไม่เน้นที่ “กายภาพ” เพราะจากคุณสมบัติตรงนี้เองที่ท่านเหล่านั้นจะไปอธิบายต่อว่า ชีวพันธุ์ชนิดนี้มีความแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นอย่างสำคัญอย่างไร!

จากการศึกษาของบรรดานัก “บรรพชีวินวิทยา” นัก “ชีววิทยา” หรือ “นักชาติพันธุ์วิทยา” หรือนัก “สังคมวิทยามานุษยวิทยา(Social anthropology”) ฯลฯ ในทางกายภาพชั้นหลัง (ส่วนใหญ่นำโดยชาวอัสดงคตประเทศ หรือ “ตะวันตก”)  มักได้ข้อสรุปตรงกันว่า เนื่องจากเผ่าพันธุ์นี้ มีพัฒนาการของสิ่งที่เรียกว่า “สมอง” (พวกเขาอธิบายว่า สิ่งที่เรียกว่า “สมอง” นี้ เป็นประมาณกล่องเก็บข้อมูลประมวลผลข้อมูล และ สะท้อนกลับข้อมูลทางกายภาพ ของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ เมื่อถูกตกกระทบด้วยเหตุปัจจัย “เร้า” ทั้งจากภายใน และภายนอกต่อกายภาพ (หรืออะไรอะไรทำนองนั้น!) ทำให้กระบวนพัฒนาการของสิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้ มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งมีชีวิตอื่นใดในดวงดาวแห่งอาณาจักรที่เรียกว่า “โลก” ดวงนี้

สิ่งที่พวกเขาอธิบาย ส่วนใหญ่มักเรียกกันว่า “ประวัติศาสตร์แห่งพัฒนาการของคน” มีบ้างเหมือนกันที่ลงลึกเฉพาะคำ “Homo sapien” จนบางคนสามารถประมวลรวบรวมข้อมูลนำเสนอเป็นหนังสือเล่มใหญ่ ทำนองคล้ายเรื่องเล่าที่อ่านสนุกเกี่ยวกับเรื่องนี้ จนขายดิบขายดีทำเงินทั้งโลกได้อย่างมหาศาล!

พวกเขามักศึกษาค้นคว้าแล้วประมวลผลแบ่งการอธิบายเรื่องพัฒนาการของ “คน” ออกเป็นยุคๆ(Period) 

การแบ่งแบบดังกล่าวนี้ (ส่วนใหญ่นำโดยนักศึกษาชาติตะวันตก บรรดา “นักวิชาการ” ชาวตะวันออก มักเพิ่งไปสมาทานแนวคิดนี้มาภายหลังจากที่ประเทศจักรพรรดินิยมตะวันคกเหล่านั้นบุกรุก และ “ยึดครอง” ก่ออิทธิพลทางความคิดเหนือบรรดาชาติใหญ่ๆในตะวันออกเรียบร้อยแล้ว) ก็มีความแตกต่างกันไป 

เริ่มมาตั้งแต่ยุค “กรีก” ซึ่งเป็นฐานทางระบบคิดในการ “ศึกษาตีความ” เรื่องเกี่ยวกับ “คน โลก และ จักวาล” ของสิ่งที่อาจเรียกได้ในปัจจุบันว่า “กรอบคิดแบบฝรั่งวิทยา”

พวกเขามักจะเริ่มต้นอธิบายด้วยสิ่งที่เรียกว่า “คนยุคก่อนประวัติศาสตร์” (Pre=historian human-being) แม้แต่เรื่อง “เส้นแบ่ง” ของสิ่งที่เรียกว่า “ประวัติศาสตร์” หรือ “period” ของพวกเขา จนปัจจุบันก็ดูเหมือนจะยังไม่ลงตัวกันนัก จึงจไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้ให้ปวดหัววุ่นวาย)

เอาเป็นว่า พวกเขาพยายามอธิบายเท่านั้นแหละว่า “สิ่งมีชีวิตที่เรีนกว่าคน” นี้รอดชีวิตจากการดิ้นรนต่อสู้กับสิ่งธรรมชาติรอบตัวพวกเขามาได้อย่างไร สืบเผ่าพันธุ์กันมาอย่างไร แล้วทำไมจึงเกิดคำว่า “พัฒนา” ขึ้น

คืนวันเหล่านั้นพวกเขายังชีพกันอย่างไร เพื่อให้รอดพ้นจากการ “ถูกห้ำ” ถูกกดดันคุกคามจากสิ่งมีชีวิตอื่นและสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติอื่นๆ

พวกเขา “กิน” อะไรกัน? ก่อนที่จะมา “กินคน” ด้วยกัน! อย่างดุเดือดในยุคที่พวกเขาเรียกว่า “ทุนนิยม” (อย่างที่ท่าน “"หลู่ซิ่น” นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่แห่ง “นวยุค” ของวงวรรณกรรมสาธารณรัฐประชาชนจีน เคยกล่าวสรุปนำเสนอเอาไว้ในวรรณกรรมบางเรื่องของท่าน แต่เมื่อนานมาแล้ว!!ฯ