เสือตัวที่ 6

กลุ่มขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยไม่เคยลดละความพยายามในการเดินหน้าไปสู่จุดหมายปลายทางที่กลุ่มพวกเขาต้องการนั่นคืออิสระในการปกครองกันเองในรูปแบบที่พวกเขาคาดหวัง และกลุ่มคนในขบวนการนี้จะขับเคลื่อนการต่อสู้ใดๆ แล้ว ล้วนมีผ่านการวิเคราะห์และวางแผนอย่างเป็นระบบที่สอดรับกันอย่างกลมกลืนอย่างมืออาชีพ ปรากฏการณ์ใดๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างสะเปะสะปะไร้ทิศทาง หากแต่ทุกการต่อสู้ล้วนมีการวางแผนจากนักคิดระดับมันสมองของขบวนการที่ขับเคลื่อนอย่างสอดประสานกันอย่างมีพลังทั้งการต่อสู้ทางความคิดผ่านการขับเคลื่อนในทุกเวทีที่มีโอกาสอย่างทรงพลัง การสะสมบ่มเพาะแนวร่วมขบวนการที่เข้มแข็งขยายฐานมวลชนแนวร่วมให้มากขึ้นเป็นร้อยเท่าพันทวี สอดรับกับการต่อสู้ด้วยอาวุธในทุกรูปแบบเพื่อคงสถานการณ์การต่อสู้ด้วยอาวุธอย่างรุนแรงของคนพื้นที่ถิ่นกับรัฐผู้รุกราน (ในความหมายของการชี้นำจากขบวนการร้ายแห่งนี้) ตลอดจนการต่อสู้ทางการเมืองในทุกระดับเพื่อช่วงชิงการนำทางการเมืองระดับชาติและระดับนานาชาติอันจะนำมาซึ่งอำนาจในการปกครองกันเองตามที่กลุ่มตนต้องการ

ปรากฏการณ์การต่อสู้ด้วยความรุนแรงเพื่อให้เห็นถึงความขัดแย้งด้วยอาวุธระหว่างคนในพื้นถิ่นกับรัฐผู้ปกครอง เมื่อ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยกองกำลังติดอาวุธหัวรุนแรงของขบวนการร้ายแห่งนี้ได้ลอบเผาสัญญาณโทรศัพท์ในหลายพื้นที่จังหวัดปัตตานี ซึ่งกลุ่มกองกำลังติดอาวุธของขบวนการแห่งนี้ ได้มีการวางแผนเป็นอย่างดี เข้าปฏิบัติการห้วงเวลาค่ำมืดพร้อมๆ กัน โดยการกระจายกำลังไปตามจุดต่างๆ ปฏิบัติการลอบทำการเผาเสาสัญญาณโทรศัพท์ จำนวน 6 จุด อย่างอหังการ ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ประกอบด้วย 1.เผาเสาสัญญาณโทรศัพท์ ในพื้นที่บ้านจาเราะบองอ หมู่ 5 ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี 2.เผาเสาสัญญาณโทรศัพท์ หมู่ 7 ต.กะมิยอ อ.เมือง 3.เผาเสาสัญญาณโทรศัพท์ หมู่ 2 ต.กะมิยอ อ.เมือง 4.เผาเสาสัญญาณโทรศัพท์ หมู่ 4 ต.คลองมานิง อ.เมือง 5.เผาเสาสัญญาณโทรศัพท์ ใกล้สี่แยกตะบิ้ง ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี และ 6 บ้านท่ากูโป ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี

ซึ่งนั่นบ่งบอกให้เห็นวิธีคิดของแกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดนปลายด้ามขวานให้เห็นว่า กลุ่มขบวนการร้ายแห่งนี้ ยังคงตามมุ่งหมายของอิสระการปกครองกันเองอย่างเข้มข้น และพวกเขายังคงมีศักยภาพในการต่อสู้ด้วยอาวุธกับรัฐอย่างเข้มแข็งตราบใดที่รัฐยังไม่ยอมจำนนในสมรภูมินี้อย่างสมบูรณ์ หลังจากการก่อเหตุร้ายเพื่อบ่งบอกให้เห็นถึงศักยภาพของขบวนการแห่งนี้ด้วยการทำลายเสาสัญญาณโทรศัพท์พร้อมกันถึง 6 จุดแล้ว หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้น ยังตอกย้ำศักยภาพการต่อสู้ของพวกเขาอย่างสอดรับกันอย่างกลมกลืนด้วย การลอบวางระเบิดสังหารกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐที่กำลังทหารพรานขณะเดินลาดตระเวน ที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 3 นาย เมื่อ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา จุดก่อเหตุพบห่างจากโรงเรียนที่ใช้เป็นหน่วยลงคะแนนเสียงเลือกตั้งใน 14 พ.ค. นี้ เพียง 500 เมตร โดยระเบิดที่กองกำลังติดอาวุธของขบวนการลอบวางเพื่อหมายทำร้ายทหารพรานชุดเดินเท้าลานตระเวน จำนวน 8 นาย ครั้งนี้เป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องบรรจุถังแก๊สน้ำหนักประมาณ 15-30 กิโลกรัม นำไปวางไว้ในพงหญ้าข้างทาง จุดชนวนระเบิดด้วยวิทยุสื่อสารเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่รัฐเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากดังกล่าว 

สอดรับกับการจัดกิจกรรมต่างๆ ของเยาวชนบนพื้นที่ที่ผ่านมาและที่จะมีต่อไป รวมทั้งกิจกรรม MALAYU RAYA ล้วนมีกลยุทธ์ในการซ่อนแฝงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของคนกลุ่มนี้คอย่างลุ่มลึก ที่ผ่านมานี้คนในพื้นที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้สามารถสร้างเครื่องมือเพื่อการรื้อฟื้นการสร้างเอกลักษณ์ของกลุ่มตนตลอดจนการเพิ่มพูนเกียรติยศของชาติ รูปแบบการบริหารพื้นที่ที่เป็นอธิปไตยของตน ระบบกฎหมาย อัตลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ได้ถูกเห็นชอบให้เป็นประเด็นที่ต้องถูกถกแถลงในเอกสารหลักการทั่วไปว่าด้วยการพูดคุยเพื่อสันติสุข (General Principles of the PDP) ครั้งล่าสุดแล้ว ปรากฏการณ์ของกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวนี้ ยังสอดรับกับคำกล่าวของนายอุสตาซอานัส อับดุลเราะห์มาน หัวหน้าคณะพูดคุยบีอาร์เอ็น ที่ว่าทุกเชื้อชาติที่มีอยู่บนแผ่นดินต้องการที่จะอยู่อย่างเท่าเทียมกันกับเชื้อชาติอื่นๆ บนพื้นฐานและคุณค่าความเป็นมนุษยชาติที่มีอารยะและการเคารพซึ่งกันและกัน

สอดรับกับการต่อสู้ทางการเมืองระดับชาติผ่านการเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่พรรคการเมืองหลายพรรคที่มุ่งหาเสียงเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้เพื่อหวังคะแนนเสียงจากพี่น้องในพื้นที่แห่งนี้อย่างสุดโต่งด้วยการออกแบบนโยบายพิเศษเฉพาะท้องที่แบบพิเศษแบบสุดโต่งและหมิ่นเหม่ต่อความเป็นรัฐเดียวของชาติ ผ่านการนำเสนอนโยบายปาตานีจัดการตนเอง แม้พรรคดังกล่าวจะอ้างว่านโยบายนี้ หมายถึงการกระจายอำนาจเพื่อจัดการตนเองในแบบเดียวกันกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศหากแต่ข้ออ้างนี้ก็ยังไม่เห็นการแยกแยะอย่างเป็นรูปธรรมว่านโยบายดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งรัฐที่ต้องมีอธิปไตยเป็นหนึ่งเดียวของตนเองอย่างไร โดยเฉพาะพื้นที่พิเศษอย่างจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่กลุ่มคนในขบวนการหมายมั่นปั้นมือกับการช่วงชิงอำนาจรัฐเพื่อการจัดการตนเองของปาตานีอย่างเข้มข้นชัดเจนมาตลอด จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ปาตานีจัดการตนเอง เป็นนโยบายที่สอดรับกับปรากฏการณ์การต่อสู้ของขบวนการในมิติอื่นๆ อย่างกลมกลืน ที่แฝงเร้นนัยอันลุ่มลึกผ่านการเลือกตั้ง  

จนถึงวันนี้ การต่อสู้ทางความคิดในทุกเวทีที่เกิดขึ้น การแย่งชิงมวลชนคนรุ่นใหม่ในพื้นที่ การต่อสู้ทางวิถีชีวิตอัตลักษณ์พื้นถิ่น การแยกตัวทางวัฒนธรรมและความเชื่อกับคนส่วนใหญ่ของประเทศ การต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธอย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่า การต่อสู้ทางการเมืองในระดับท้องถิ่น การเมืองระหว่างประเทศ ตลอดจนการช่วงชิงอำนาจทางการเมืองในระดับชาติที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดนี้และครั้งต่อๆ ไป ล้วนมีความประสานสอดรับกันอย่างกลมกลืนและทรงพลังในการต่อสู้กับรัฐอย่างเห็นได้ชัด