วันที่ 25 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันครบรอบวันสถาปนาหนังสือพิมพ์สยามรัฐ รายวัน หนังสือพิมพ์ฉบับภาษาไทยที่มีอายุยาวนานที่สุดกว่า 73 ปี ย่างสู่ปีที่ 74 นอกจากปณิธาณ “นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ” แปลว่า “พึงชมคนที่ควรชม พึงข่มคนที่ควรข่ม” ที่เรายังคงยึดมั่นอย่างเข้มข้นแล้ว ไม่ว่าจะผลิตสื่อออกมาในรูปแบบที่รองรับการพัฒนาทางเทคโนโลยีดิจิทัลใดๆ

ที่สำคัญคือเบ้าหลอมของ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ที่สืบทอดกันมาโดยไม่มีใครสั่ง อาจเป็นภาพสะท้อนจาก พล.ต.ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ผู้ก่อตั้งอย่างไม่ต้องสงสัย

แนวทางของสยามรัฐ จึงเป็นแนวทางตามอย่าง “คึกฤทธิ์”

ส่วนหนึ่งในแนวทางของ “คึกฤทธิ์”เป็นอย่างไรนั้น  ใน หนังสือ “100 ปี คึกฤทธิ์”  ฉายภาพเอาไว้บางช่วงบางตอนดังนี้

 “คึกฤทธิ์ได้เสนอแนวคิดไว้มากมายในผลงานของเขาซึ่งในที่นี้จะกล่าวเฉพาะงานหนังสือพิมพ์ ผลงานเหล่านั้นชี้ให้เห็นแนวโน้มดังนี้

-ภาพแห่งความจงรักภักดีต่อพระราชวงศ์

“ศึกฤทธิ์” แสดงตนว่าเป็นผู้จงรักภักดีต่อพระราชวงศ์อย่างเหนียวแน่น มุ่งหวังจะรักษาไว้ซึ่ง รัฐธรรมนูญ ภายใต้ระบบกษัตริย์เป็นประมุข เขากล่าวว่า เขาได้รับการอบรมจากบิดามารดาให้คิดถึงเรื่องนี้

“คึกฤทธิ์” ยังเชื่อมโยงระบอบประชาธิปไตยเข้าด้วยกับพระราชวงศ์ เขาอ้างถึงท่านบิดาผู้เชื่อว่า ราชวงศ์จักรีนั้นสนับสนุนประชาธิปไตย ดังนั้น ผู้เป็นพระราชวงศ์จึงต้องสนับสนุนประชาธิปไตยด้วย

“ถึงผมจะเกิดมาในพระราชวงศ์ แม้ว่าจะหางแถวอย่างไรก็ตาม ก็ได้รับการอบรมจากบิดามารดาให้คิดถึงราชการพระเจ้าอยู่หัวเป็นใหญ่คอยอบรมแต่ให้รับราชการแต่อย่างเดียว

พ่อผมท่านเคยบอกผมตั้งแต่เมื่อผมเดินทางกลับจากอังกฤษว่าใครที่เป็นพระราชวงศ์แล้วจะต้องพยายามรักษาระบอบประชาธิปไตยไว้ให้ได้ เพราะการปฏิบัติเช่นนั้นเป็นการกระทำตามพระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คนที่เป็นพระราชรงค์นั้น จะไม่สนับสนุนระบอบประชาธิปไตยไม่ได้ ถือว่ามีความผิดอย่างหนัก นี่เป็นความเห็นของบิดาผมเพียงคนเดียว"

แนวความคิดเชิงกษัตริย์นิยมของ “ศึกฤทธิ์” ปรากฎในนิพนธ์ของเขาหลายต่อหลายเรื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่อง “สี่แผ่นดิน” ซึ่งสะท้อนภาพชีวิตในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อย่างมีชีวิตชีวา ซึ่งวิทยากรกล่าวว่า “ม.ร.ว.คึกฤทธิ์สามารถสร้างงานชิ้นนี้เพื่อเผยแพร่แนวคิดและอุดมการณ์เชิดชูประเพณีนิยม และกษัตริย์นิยม ตอบโต้กับความคิดก้าวหน้าแบบฝ่ายซ้ายที่กำลังแพร่ระบาดในปี 2494-2495อย่างประสบผลสำเร็จมาก"

(อ่านต่อฉบับหน้า)