“บัดนี้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เสร็จสิ้นลง และมีการเรียกประชุมรัฐสภา พุทธศักราช 2566 แล้ว ข้าพเจ้าขอเปิดประชุมรัฐสภาตั้งแต่วาระนี้เป็นต้นไป ขอให้ท่านทั้งหลายผู้เป็นสมาชิกของสภาแห่งนี้ได้ระลึกไว้เสมอว่า ท่านเป็นผู้ได้รับมอบหมายจากประชาชน ให้มาเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศในการใช้อำนาจนิติบัญญัติ เพื่อดำเนินการปกครองและพิจารณาออกกฎหมายต่างๆ ให้รัฐบาลถือเป็นหลัก ในการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนั้นประเทศชาติจะมีความเจริญเพียงไรย่อมขึ้นอยู่กับสติปัญญาความสามารถ และความสุจริตบริสุทธิ์ของท่านที่จะปฏิบัติหน้าที่ทั้งปวงโดยยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน เป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุด หากทุกท่านจะได้สำนึกตระหนักเช่นนี้อยู่เสมอก็จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้สำเร็จลุล่วง เป็นประโยชน์ เป็นความเจริญมั่นคงของอาณาประชาราษฎร์และชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง”พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเสด็จฯทรงเปิดประชุมรัฐสภา  วันที่ 3 กรกฎาคม 2566

ทั้งนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวในการแสดงวิสัยทัศน์โอกาสได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธานสภาฯ โดยได้ขอบคุณ ส.ส.ทุกคนที่ให้ความไว้วางใจในการทำหน้าที่สำคัญนี้ พร้อมให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง และน้อมนำพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติของ ส.ส.ต่อไป และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใส สุจริต ตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และข้อบังคับของสภาทุกประการ

โดยจะกำหนดแนวทางร่วมกันกับรองประธานสภาฯ 2 คน ในการพิจารณาร่างกฎหมาย ญัตติ อย่างเป็นธรรม อย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์ประชาชนให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่ของกรรมาธิการฯ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและจะร่วมกับ ส.ส.ผลักดันนโยบายต่างประเทศของฝ่ายนิติบัญญัติ ผ่านความร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพฝ่ายนิติบัญญัติ และพัฒนาประชาธิปไตยทุกภาคส่วนให้มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนต่อไป

ทั้งนี้ “เรา” เห็นว่า ไม่เพียงแต่ฝ่ายนิติบัญญัติเท่านั้นที่รับสนองพระราชดำรัสใส่เกล้าฯ  หากแต่ฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ รวมทั้งทุกภาคส่วน องคาพยพต่างๆในการขับเคลื่อนประเทศไทย  พึงน้อมนำพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อความเจริญวัฒนาถาวรของประเทศไทยสืบไป