วาทกรรมเลือกตั้งไปทำ...อะไร เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนภาวะที่สังคมไทยตื่นตัวต่อการเลือกตั้ง เป็นอย่างมาก โดยในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ถือเป็นการเลือกตั้งที่มีประชาชนออกมาใช้สิทธิมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต.รายงานว่ามีผู้มาใช้สิทธิทั้งหมด 39,293,867 คน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศประมาณ 52,287,045 คน คิดเป็น 75.22% ถือเป็นการเลือกตั้งที่มีผู้มาใช้สิทธิสูงที่สุดตั้งแต่ กกต. จัดการเลือกตั้งมา 7 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม การที่ประชาชนตื่นตัวไปเลือกตั้งจำนวนมาก สะท้อนการมีส่วนรวมทางการเมือง แต่ไม่ได้เป็นดัชนีชี้วัดความรู้ความเข้าใจในระบบประชาธิปไตย

ทั้งนี้  ในความเห็นของพระธรรมโกศาจารย์ หรือพุทธทาสภิกขุ  เกี่ยวกับประชาธิปไตยตอนหนึ่ง บรรยายแก่คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ชุด สันติภาพ(27/08/2517 #จดหมายเหตุพุทธทาส #4125170827000) ดังนี้

“ระบอบอธิปไตยนี้มันมีมาก เรียกว่าอะไร ประชาธิปไตย ธรรมาธิปไตย เสรีธิปไตย อะไรก็ตามแล้วแต่จะเรียก ทั้งโลกาธิปไตย อัตตาธิปไตย คณาธิปไตย เป็นต้น อธิปไตยไหนที่จะช่วยให้โลกนี้มีสันติภาพอันแท้จริง มันต้องเป็นอธิปไตยที่ถูกต้อง ถูกต้องโดยอุดมคติ ถูกต้องโดยวิธีที่ปฏิบัติ เดี๋ยวนี้เรากำลังเมาประชาธิปไตยกันใช่ไหม ไอ้ภาษากระโดกๆ ที่เรียกว่า ฮิต ฮิตนั่นนะ มันกำลังฮิตประชาธิปไตย มันเป็นประชาธิปไตยที่เขากำลังเร่งกันใหญ่ จะให้มีแม้แต่ในโรงเรียนอนุบาล แล้วมันจะช่วยให้โลกมีสันติภาพได้ไหม ก็ให้คิดดู

ถ้าอธิปไตยนั้น มันไม่ถูกต้องต่อกฎเกณฑ์ของธรรมชาติอย่างที่กล่าวมาแล้วข้างต้น มันไม่ถูกต้องโดยอุดมคติ ไม่ถูกต้องโดยวิธีปฏิบัติการ อะไรก็ตาม มันก็เป็นอธิปไตยบ้า ฉะนั้นประชาธิปไตยที่กำลังเมากันนัก ระวังให้ดี ถ้าว่าประชาเหล่านั้นมันโง่ ไม่รู้ความจริงแล้ว อธิปไตยนั้นมันก็ผิดแน่ ก็คือคนโง่นำโลก พาไปลงเหว ถ้าประชาชนไร้ศีลธรรม แล้วก็มอบอำนาจให้แก่ประชาชนชนิดนั้น ประชาธิปไตยนั้นก็พาคนลงเหว ยิ่งกว่าความทุกข์เสียอีก คือฉิบหายวินาศหมด ฉะนั้นอย่าหลงไปกับคำว่า ประชาธิปไตยลุ่นๆ ซึ่งมันไม่รู้ว่าเป็นอะไรแน่ มันต้องเป็นประชาธิปไตยที่มีความถูกต้องต่อธรรม หรือว่าต่ออุดมคติอะไรต่างๆ

ทีนี้เพื่อให้ถูกต้อง ก็ต้องมีคำว่า ธรรม เข้ามาประกอบ คือประกอบไปด้วยธรรม ก็ต้องเป็นเรื่องที่เห็นแก่เพื่อนมนุษย์ทุกคน ไม่ใช่เห็นแก่ตัวคนเดียว ฉะนั้นก็มีคำกำกวมที่หลอกให้หลงกันได้มากขึ้น จะยกตัวอย่าง ตัวอย่างเช่นคำว่า ประชาธิปไตย นี่เอง ถ้าประชาธิปไตยนี่มันเป็นเสรีนิยม คือใครทำอะไรได้ตามต้องการเพราะเสรี เสรีนิยม ระวังให้ดีเถอะ มันจะทำโลกให้วินาศ และใครสามารถทำอะไรได้ตามใจตัว ไม่ผิดกฎหมายแล้วก็ทำได้นี่ แต่ถ้ากฎหมายนั้นมันออกมาโดยคนที่ไม่รู้ธรรมะ มันก็มีช่องโหว่ ให้เกิดคนที่มีสติปัญญาสามารถนี่กอบโกย อย่างที่เรียกว่า มือใครยาวก็สาวเอาได้ และไม่ผิด ไม่ผิดกฎหมายด้วย ในโลกนี้มันมีอย่างนี้ กอบโกยด้วยมือยาวที่สุดและไม่ผิดกฎหมายด้วย ก็เกิดคนพวกนั้นขึ้นมาในโลก แล้วก็ควบคุมโลกหรือหมุนโลกให้ไปตามนั้น

 ฉะนั้นเสรีประชาธิปไตยนี้ไม่สามารถจะทำโลกให้มีสันติภาพได้ เพราะมันเสรีโดยบุคคลที่ไม่ประกอบไปด้วยธรรม แต่ถ้าจะตีความหมาย เสรี เป็นอย่างอื่น เสรีหมายถึงเสรีจากกิเลส ก็ไปนิพพานเลย อย่างนี้ก็ได้ แต่มันไม่มีความจริง ไม่มีความมุ่งหมายอยู่ในโลกนี้ ที่เขาบูชากันว่า เสรีประชาธิปไตยนั้นน่ะ ระวังให้ดี มันเสรีของใคร เสรีของคนที่ไม่มีศีลธรรม ฉะนั้นมือมันยาว มันก็สาวเอา เพราะว่าเขาเปิดไว้ให้”