น่าสนใจตัวเลขดัชนี ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ที่เปิดเผยออกมาโดยสภาอุตสาหกรรมประเทศไทย ล่าสุด เดือนมิถุนายน 2566 อยู่ที่ระดับ 94.1 ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 92.5 ในเดือนพฤษภาคม 2566 ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เนื่องจากคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประการปรับเพิ่มขึ้นทั้งหมด

ประกอบกับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศ ทั้งการบริโภคภาคเอกชน และภาคการท่องเที่ยว ขณะที่ภาคก่อสร้างขยายตัวโดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์และโครงการภาครัฐ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินบาท และอัตราค่าระวางเรือที่ลดลง ยังช่วยสนับสนุนภาคการส่งออกด้วย

ขณะที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ หาวิทยาลัยหอการค้าไทย  เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือนมิถุนายน 2566 ระบุ ดัชนีปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 มาอยู่ที่ระดับ 56.7 และเป็นดัชนีที่สูงสุดในรอบ 40 เดือน เนื่องจากผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้นและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เครื่องยนต์เศรษฐกิจกำลังขับเคลื่อน เครื่องยนต์การเมืองกลับสะดุด ไม่ราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็น

แม้จะมีข้อเสนอจากบางพรรคการเมือง เพื่อปลดล็อกให้การจัดตั้งรัฐบาล หรือการเลือกนายกรัฐมนตรี โดยตัดปัจจัยเสียงสนับสนุนของสมาชิกวุฒิสภาออกไป ด้วยการทอดเวลาให้หมดวาระ ซึ่ออาจต้องใช้ระยะเวลถึง 1 0 เดือนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะยังคงเป็นนากรัฐมนตรี แต่ไม่ได้มีอำนาจเต็ม

ดังนั้น แนวทางดังกล่าวจึงเป็นไปได้ยากและส่งผลกระทบต่อการจัดทำและเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดิน  ขณะที่มีการชิงไหวชิงพริบทางการเมือง เรื่องของการแสวงหาพันธมิตรจัดตั้งรัฐบาล  กระนั้น  ความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลอาจส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ