แม้ก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายน 2566 ธนาคารโลก จะปรับคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 2566 เพิ่มเป็น 3.9% จากเดิม 3.6% ที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือน เมษายน 2566 จากการเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนฟื้นตัวในปี 2565 จากการเปิดประเทศ ในปีนี้จะชะลอตัวลงบ้าง แต่ก็ถือว่ายังคงแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและดีขึ้นของตลาดแรงงานและความต้องการท่องเที่ยวจากจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากที่อั้นมานาน แต่การลงทุนภาครัฐจะยังคงอ่อนแอเนื่องจากการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลใหม่ใช้เวลานาน

แต่ทางด้านสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจไทยลงเหลือ 3.5% โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 3-4% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.6% หลักๆ เป็นผลมาจากโครงสร้างนักท่องเที่ยว ที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากคาดว่านักท่อง เที่ยวจีนจะลดลง ขณะที่นักท่องเที่ยวมาเลเซียปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปของนักท่องเที่ยวมาเลเซียน้อยกว่าจีน ส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวลดลงเหลือ 1.25 ล้านล้านบาท จากคาดการณ์เดิมที่ 1.3 ล้านล้านบาท

สศค. ยังระบุถึงปัจจัยเสี่ยงเรื่องการส่งออกสินค้าที่ชะลอตัวลง โดยคาดว่าในปี 2566 ภาพรวมการส่งออกของไทยจะขยายตัวติดลบ 0.8% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่คาดว่าจะติดลบ 0.5% จากการชะลอลงของเศรษฐกิจจีน

ขณะเดียวกันตัวเลขจีดีพี ในไตรมาส 1/2566 ที่สำนักงานสภาพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์  ประกาศว่าขยายตัวที่ 2.7% นั้น ยังต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ เหล่านี้เป็นปัจจัยรวมที่ทำให้คลังมีการปรับจีดีพีในปีนี้ลดลงเหลือ 3.5%

อีกด้านหนึ่ง ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ชี้ให้เห็นว่าความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนทั้งไทย และต่างชาติต้องชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนของนโยบาย และขณะที่มีรัฐบาลรักษาการต้องใช้โครงสร้างงบประมาณปี 2566 ไปพลางก่อนทำให้งบลงทุนไม่สามารถนำมากระตุ้นเศรษฐกิจได้ ซึ่งทำให้งบลงทุนกว่า 7 แสนล้านที่ปกติจะขับเคลื่อนได้ในไตรมาสที่ 1 จะถูกชะลอ หากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้ากว่าเดือนสิงหาคม งบประมาณอาจจะล่าช้าออกไปถึงไตรมาส 3 ปีหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจทั้งปีนี้แม้จะไม่มาก และปีหน้าจะมีผลในเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปี ซึ่งประเมินหากจัดตั้งรัฐบาลได้ภายในเดือนสิงหาคม – กันยายน จีดีพีปีนี้จะโตได้ในกรอบ 3-3.5% ส่วนปีหน้ามีโอกาสโตได้ 3.5-4%

สถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาล ที่หลายฝ่ายตั้งตารอนั้น ฝ่ายการเมืองจึงต้องยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน อย่าเล่นกันจนเลยเถิดเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ จนเกิดหายนะที่กูไม่กลับ โดยจับ “เศรษฐกิจ” ของประเทศ เป็นตัวประกัน