ภาวะเศรษฐกิจโลกที่คาดการณ์กันว่า ในปี 2566 หลากหลายปัญหาจะรุมเร้า และเข้าสู่สถานการณ์เผาจริง โดยเฉพาะมหาอำนาจทางด้านเศรษฐกิจ 2 ขั้ว ทั้งจีนกับสหรัฐฯ ต่างชะลอตัว ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจเพิ่งจะฟื้นตัวยังไม่เต็มที่ จึงน่าห่วงว่าจะรับมือกับภาวะเศรษฐกิจโลกได้มากน้อยแค่ไหน

ทั้งนี้ มีผลสำรวจของสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้ทำการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) เดือนกรกฎาคมพบว่า ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ตุลาคม) อยู่ที่ระดับ 83.45 ปรับขึ้นเล็กน้อย 2.2% จากเดือนก่อนหน้าอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว โดยนักลงทุนมองว่าการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว และการไหลเข้าของเงินทุน

สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล รองลงมาคือการประกาศจะจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Financial Transaction Tax: FTT) และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

ขณะที่ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน กรกฎาคม จากผลสำรวจของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน กรกฎาคม อยู่ที่ระดับ 55.6 ปรับตัวลดลงจากเดือน มิถุนายน ซึ่งอยู่ที่ระดับ 56.7 โดยเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 14 เดือน

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเดือน กรกฎาคม อยู่ที่ระดับ 50.3 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน อยู่ที่ 52.7 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 63.9 โดยดัชนีทุกตัวปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้า

ทั้งนี้สาเหตุจากความกังวลต่อความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ, ผู้บริโภคกังวลว่าเศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้ช้า และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง, คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เป็น 2.25% สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ ลงเหลือ 3.5% จากเดิม 3.6% จากผลของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่อาจจะกระทบต่อการส่งออกไทยในช่วงครึ่งปีหลัง, ความกังวลต่อภาวะภัยแล้ง และเอลนิโญ ตลอดจนสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังมีความไม่แน่นอน

กระนั้น เราเห็นว่าแม้ความชัดเจนทางการเมือง โดยเฉพาะโฉมหน้านายกฯและรัฐมนตรี จะมีผลอย่างสำคัญต่อความเชื่อมั่น และผลักดันให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้า หากแต่ที่สำคัญคือ นอกจากต้องจบให้เร็วแล้ว ต้องจบให้สวยด้วย เพราะถ้าโฉมหน้านายกฯและรัฐมนตรีออกมาประชาชนร้องยี้ ก็ทำลายเชื่อมั่น จะยิ่งเละไปกันใหญ่