พลเอก ดร.จารุภัทร เรืองสุวรรณ

ต้องขอยืมคำพูดของท่าน สุจิตต์ วงษ์เทศ มาอ้างว่าประเทศนี้ไม่มีคนไทยแท้ๆแม้แต่คนเดียว ถ้าจะพิสูจน์ด้วย DNA แล้วยิ่งเห็นได้ชัดว่า คนที่เรียกตัวเองว่าไทในประเทศจีนตอนใต้นั้น มี DNA ไม่ตรงกับคนในภาคกลาง แต่ตรงกับภาคอีสาน จึงสรุปได้ว่าคนไทที่อยู่เมืองจีนตอนใต้นั้นคือลาวทั้งนั้น โดยเฉพาะเวลาถามว่า จมูกเรียกว่าอะไร ทุกคนไม่ว่าจะเป็นจ้วงหรือสิบสองปันนาเรียกว่า ดัง กันทั้งนั้น นั่นคือภาษาลาว

เมื่อเราเป็นสังคมผสม ไม่ใช่สังคมเดี่ยวเหมือนญี่ปุ่น/ เกาหลี เราต้องถามว่า เราผสมอะไรกับอะไรกันบ้าง จะได้รู้รากเหง้าของตนเอง อีกทั้งจะได้รู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ ความก้าวหน้าล้าหลังของ แต่ละเผ่าแตกต่างกันอย่างไร จุดอ่อนจุดแข็งของแต่ละชนชาติที่มาผสมกันมีอะไรบ้าง จะได้แก้ปัญหาหรือเกาได้ถูกที่คัน ไม่ใช่เป็นอย่างที่เป็นมาแล้ว ด้วยการใช้ยาสำเร็จรูปจากกรุงเทพฯขนานเดียวไป แก้ปัญหาของคนทั้งประเทศ

ถ้าจะพูดกันโดยข้อเท็จจริงแล้ว ประเทศสยามนี้ประกอบด้วยเขมร มอญ ลาว จีน ญวน เป็นหลัก ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งของชาติ คน 5 จำพวกนี้ดูเหมือนว่าลาวจะมีปริมาณหรือจำนวนมากที่สุด แต่ชนชาติที่ก้าวหน้านำชาติอื่นด้านเศรษฐกิจคือจีน คือผู้รู้จักทำมาค้าขาย จึงเป็นชนที่ทรงอำนาจทางเศรษฐกิจ-การเมืองมากที่สุด การเลือกตั้งส.สก็ดี ตำแหน่งหน้าที่การงานที่อยู่ในระดับสูงล้วนแต่เป็นคนเชื้อสายจีนทั้งนั้น

คนจีนทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าเกินเพื่อนบ้าน ถึงกับอดีตรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์พม่ากล่าวกับผู้เขียนว่า คนจีนในกรุงเทพฯทำให้กรุงเทพฯเจริญกว่าย่างกุ้ง

เพื่อให้การขับเคลื่อนของคนในชาติไปได้ถึงที่หมาย คือความสุขด้วยกันทุกคน จำเป็นที่จะต้องมีนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจ ด้วยแนวความคิดรถไฟ 2 ขบวน กล่าวคือ

ขบวนที่ 1 เป็นรถไฟของคนในเมือง พ่อค้าวานิช เป็นรถไฟความเร็วสูง สามารถที่จะแข่งขันกับนานาประเทศได้ และทำให้เมืองก้าวหน้ายิ่งขึ้น

ขบวนที่ 2 เป็นรถไฟสายชนบท เป็นรถดีเซลราง แต่ละโบกี้มีแรงขับเคลื่อนด้วยตนเองหรือเป็นสหกรณ์ ซึ่งขณะนี้เรามีองค์การบริหารส่วนตำบลอยู่ทั้งหมดจำนวณ 6725 แห่ง จะเทียบกับตู้รถไฟดีเซลรางได้ว่าเรามีตู้รถไฟสายชนบทอยู่ 6725 ตู้ และรถไฟสายนี้จะต้องได้ผู้ที่มีความเข้าใจ ชำนาญอย่างถ่องแท้ในศิลปวัฒนธรรมประเพณีความเป็นอยู่ ตลอดจนจุดอ่อนจุดแข็งของคนใน 6725 ตู้รถไฟเป็นอย่างดี มาทำหน้าที่เป็นสถาปนิกออกแบบนโยบายสร้างชนบทให้ก้าวไกล เคลื่อนไปข้างหน้าสัมพันธ์กับรถไฟความเร็วสูงหรือขบวนในเมืองได้เป็นอย่างดี

การคัดเลือกคณะรัฐมนตรีเสมือนหนึ่งการคัดเลือกสถาปนิกมาออกแบบรถไฟ 2 ขบวนให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างสมดุลกัน ถ้าไม่เช่นนั้น ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ดังที่เราเรียกกันว่า รวยกระจุก จนกระจาย จะไม่หายจากแผ่นดินของเราเลยครับ