ไทม์ไลน์สำหรับรัฐบาลเศรษฐา 1 หลังเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้ว ก็จะต้องแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้คณะรัฐมนตรีต้องปฏิบัติก่อน ที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินอย่างเป็นทางการ 

ที่น่าสนใจก็คือ เนื้อหาสาระของนโยบายที่จะออกมานั้น จะหลอมรวมนโยบายพรรคการเมืองต่างๆอย่างไร อีกทั้งการแถลงนโยบายจะเป็นเวทีแรก ที่จะมีการอภิปราย “รับน้อง” รัฐบาลเศรษฐา ที่จากบรรยากาศการเมืองที่ผ่านมา ทำให้มีการคาดการณ์ว่าการอภิปรายนโยบายรัฐบาลจะมีความเข้มข้นเสมือนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ขณะที่ก็คาดการณ์กันว่า การทำงานของรัฐบาลจะถูกจับตาทุกจังหวะก้าว ชนิดที่ไม่ได้ฮันนีมูนทีเดียว กระทั่งมีบางความเห็น ที่มองว่ารัฐบาลเศรษฐาอาจอยู่ไม่ยืด

อย่างไรก็ตาม นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มองปัจจัยที่จะทำให้รัฐบาลทำงานให้เกิดผลสำเร็จตามที่ตั้งใจ จะต้องมีหลักการพื้นฐานที่สำคัญดังนี้

1. ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก มากกว่าประโยชน์ของตนเอง พรรคพวก ญาติพี่น้อง

2. เร่งแก้ปัญหาของประชาชนอย่างทันท่วงที ทั้งปัญหาเฉพาะหน้า และปัญหาระยะยาว

และ 3. บริหารอย่างโปร่งใส เปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบได้อย่างแท้จริง

4. ยึดถือความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ตั้งอย่างจริงจัง เชื่อว่าถ้ารัฐบาลดำเนินการตามพื้นฐานที่สำคัญนี้ จะช่วยทำให้รัฐบาลสามารถทำงานได้ยาว และเกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนอย่างแน่นอน

ขณะที่นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา ระบุว่าการที่จะรัฐบาลอยู่ได้หรือไม่ได้ อยู่ยาวหรือไม่ มาจากเหตุ 3 ประการ คือ

1. เป็นแล้วมีผลงานหรือไม่ ซึ่งถือว่าสำคัญที่สุด เพราะคนรอผลงาน รอความหวัง หากเป็นแล้วไม่สามารถสร้างความหวังให้เขาได้ ไม่มีผลงาน กระแสจะถูกตีกลับ

2.พรรคร่วมรัฐบาลขัดแย้งหรือไม่ จะอยู่สั้นก็ได้หากทะเลาะกัน ถ้าผนึกกำลังกันได้เข้มแข็งและมีผลงาน จะทำให้รัฐบาลอยู่ได้ยาว

 และ 3.ผลงานที่ปรากฏในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว จะเป็นตัวกำกับสำคัญ โดยเฉพาะไม่โกง หรือทุจริตคอร์รัปชั่น หากเป็นรัฐบาลแล้วทำมาหากิจเอื้อประโยชน์ให้พรรคหรือพรรคพวกของตนเอง รวมถึงประโยชน์ของบริษัท บริวารของพรรคพวกตัวเอง เท่ากับว่าเป็นรัฐบาลฆ่าตัวตาย สิ่งเหล่านี้มีบทเรียนและประสบการณ์ต่างๆ ของคนที่เป็นรัฐมนตรีและมาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นบทเรียนที่ผ่าน จะเป็นบทเรียนให้รัฐบาลนี้ แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด

นั่นเป็นเพียงความเห็นบางส่วน หากแต่เราเชื่อว่า นอกจากหลักการต่างๆดังที่กล่าวมา ไม่ว่าจะมีผลงานอย่างไร และไม่ว่าจะยึดหลักการต่างๆ ยังมั่นคงและเหนียวแน่นเป็นผลสำเร็จแค่ไหน หากแต่การประชาสัมพันธ์ และสื่อสารในภาวะวิกฤติ ที่คาดว่ารัฐบาลชุดนี้จะต้องเผชิญอย่างแน่นอน ในจังหวะก้าวต่างๆทางการเมือง ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ มองข้ามไม่ได้ ยิ่ง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเอง ก็เคยยอมรับหลังการเลือกตั้งว่า เพื่อไทยแพ้เกมโซเชียล ตรงนี้ก็สำคัญ ที่จะต้องแก้เกมอย่างไรด้วย เพราะไม่เพียงรัฐบาลเศรษฐา จะต้องอยู่ให้ได้ แต่จะต้องมองไปในการเลือกตั้งครั้งต่อไปด้วย