แม้จะเป็นหมากบังคับ ที่ถอยก็ตาย ไม่ถอยประเทศชาติอาจเสียหาย กรณีเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท เนื่องจากเป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงเอาไว้กับประชาชน ในขณะที่ที่ผ่านมามีราคาที่ต้องจ่าย จากการถูกโจมตีเรื่องตระบัดสัตย์ในการข้ามขั้วมาจัดตั้งรัฐบาล หากแต่ไม่ดำเนินตามนโยบายที่หาเสียงไว้ก็ย่อมจะสร้างความไม่พอใจให้กับพี่น้องประชาชนที่คาดหวัง

แต่ทว่ากระแสทัดทานต่อนโยบายดังกล่าวนั้น นับวันยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงเสียงท้วงติงจากนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ไม่สนับสนุนวิธีการแจกเงินในรูปแบบดิจิทัลวอลเล็ต  และมองว่าหากจะทำคววรทำรูปแบบเฉพาะกลุ่มจะประหยัดงบประมาณได้มากกว่า

อีกทั้งการเคลื่อนไหวของนักวิชาการและคณาจารย์เศรษฐศาสตร์ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 โดยใจความสำคัญ คือ นักวิชาการและคณาจารย์ ด้านเศรษฐศาสตร์ของไทย จำนวน 99 คน โดยในจำนวนนี้มี อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย  นายวิรไท สันติประภพ ดร.ธาริษา วัฒนเกส

รศ.ดร.อัจนา ไวความดี อดีตรองผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย, รศ.ดร.สิริลักษณา คอมันตร์ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์, ดร.บัณฑิต นิจถาวร อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย, รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกนโยบายดังกล่าว เป็นนโยบายที่ได้ไม่คุ้มเสียด้วย 8 เหตุผล

ทว่าท่าทีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวในช่วงหนึ่งระหว่างการลงพื้นที่ จังหวัดยโสธร กับพระครูเมธีธรรมบัญฑิต เจ้าคณะอำเภอคำเขื่อนแก้ว ช่วงหนึ่งพระครูได้สอบถามนายกรัฐมนตรี และฝากเรื่องเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพราะชาวบ้านรออยู่ ขอให้นายกฯทำสำเร็จ

โดยนายกฯได้กล่าวยืนยันว่า "ขณะนี้รัฐบาลทำอยู่ ต้องทำครับ เพราะมีคนมาต่อต้าน แต่ก็ไม่กี่คนหรอกครับ แต่เราก็ต้องทำ เพราะเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพี่น้องประชาชน ต้องทำครับ"

นายเศรษฐา ยังให้สัมภาษณ์ยืนยันตั้งแต่เข้ามาเป็นนายกฯ รัฐบาลและคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้รับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะ ข้อแนะนำทั้งหลายจากทุกหน่วยงาน รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วย น้อมรับไปพิจารณา เพื่อปรับปรุงแต่งเติมให้ทุกอย่างดูดีขึ้น แต่ไม่มีการยกเลิก ยืนยันว่าโครงการเงินดิจิทัล ไม่ใช่โครงการหาเสียง ไม่ใช่โครงการที่มาโปรยเงินให้ประชาชนเลือกตั้งให้กลับมาใหม่ แต่เป็นโครงการที่ตระหนักดีถึงความจำเป็นและความต้องการของประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม คนต่างจังหวัดไม่ได้มีเงินเยอะเหมือนคนที่อยู่บนฐานบนของสังคม ความเหลื่อมล้ำมีเยอะมากในสังคมไทย ไม่มีเงิน งบประมาณของโครงการนี้ประมาณ 5 แสนกว่าล้านบาท ไม่ใช่งบประมาณที่ทำทุกปี ขอทำความเข้าใจว่าทำแค่ครั้งเดียว ไม่ใช่ตั้งใจ เอามาเพื่อซื้อเสียง ทำออกมาเพื่อให้โดนใจประชาชนและมีเงินทุนในการประกอบอาชีพอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี

“ขอให้ตกผลึกทั้งหมดก่อนในแง่นโยบายว่ารายละเอียดมีอะไรบ้าง รัฐบาลรับฟังเดี๋ยวจะไปพิจารณาใหม่ คาดน่าจะปลายเดือนตุลาคมน่าจะออกมาได้ทุกอย่าง ขอให้อดทนนิดหนึ่ง”

เราคาดหวังว่ารายละเอียดและวิธีการต่างๆ ของนโยบายจะมีความชัดเจน ตอบโจทย์กระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริงและไม่สร้างภาระและความหายนะให้กับประเทศ