ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ในห้วงเดือนตุลาคมที่เป็นเดือนที่มีวาระสำคัญต่อประวัติศาสตร์การเมืองเวียนมาบรรจบ

โดยเฉพาะในวันรำลึก 50 ปี 14 ตุลานั้น ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองไทย ที่พรรคก้าวไกลจุดพลุพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม เหมือนเป็นชนวนร้อนที่อาจพาสถานการณ์การเมืองให้เข้าสู่เงื่อนไข

กระนั้น หากอ่านจาก นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ประชาชนได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง มีทั้งถูกดำเนินคดี จำคุก รวมถึงเสียชีวิตพรรคก้าวไกลจึงเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมคดีทางการเมือง เนื่องจากถึงเวลาแล้วที่จะยอมรับว่าผู้มีความเห็นทางการเมืองต่างกัน ไม่ใช่อาชญากร ควรได้รับการนิรโทษกรรมเพื่อเปิดประตูบานแรก ให้ต่างฝ่ายหันมาพูดคุย หาฉันทามติ

อ่านจากนายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่ยืนกรานจุดยืนของพรรคเพื่อไทย3 เรื่องสำคัญ คือ

1. การเยียวยาดูแลผู้สูญเสีย ญาติวีรชนในเหตุการณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยทั้งเหตุการณ์ 14 ตุลาคมและเหตุการณ์อื่นๆต่อเนื่องมาการดูแลญาติของผู้เสียหายผู้สูญเสียในเหตุการณ์การต่อสู้ทางการเมืองต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและต่อสู้เพื่อประชาชนนั้น เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย แต่ถูกระงับยับยั้งขัดขวางไปเมื่อเกิดการรัฐประหาร พรรคเพื่อไทยมีส่วนร่วมในการดูแลให้การเยียวยาแก่วีรชนมาบ้าง แต่ในขณะนี้ก็ทราบว่ามีประเด็นที่ยังค้างอยู่หลงเหลืออยู่และต้องการความต่อเนื่อง พรรคเพื่อไทยก็จะมีนโยบายทำอย่างที่เคยทำมาแล้วใน 2 รัฐบาลที่ผ่านมาในอดีตในช่วง 20 ปีมานี้

2. พรรคเพื่อไทยเห็นว่ามีความจำเป็นต้องคุ้มครองส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ให้สามารถคิดใฝ่ฝันและแสดงออกเพื่อให้ได้สังคมที่ดีกว่าเหมือนอย่างที่วีรชน 14 ตุลาคมเคยคิดเคยใฝ่ฝันต้องหลีกเลี่ยงและป้องกันไม่ให้เกิดการใช้กำลังความรุนแรงต่อประชาชนผู้ที่เห็นต่างจากรัฐ รวมถึงการแก้กฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน

3. เหตุการณ์ 14 ตุลาคมเกิดขึ้นจากการที่ประชาชนเรียกร้องในหลายเรื่อง แต่เรื่องสำคัญที่สุดคือเรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญ เรียกร้องให้จากประเทศที่ไม่มีรัฐธรรมนูญ ปกครองโดยธรรมนูญชั่วคราวของเผด็จการ ประชาชนเรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญ ถ้าเราศึกษาจาก 14 ตุลาคม เคารพเจตนารมณ์ของ 14 ตุลาคม มาวันนี้เรามีรัฐธรรมนูญแต่เป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างยิ่ง เราจึงจะต้องร่วมกัน แก้ไข เขียนใหม่ ร่างใหม่ให้ได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย

สิ่งทั้งหลายที่ผมพูดไม่ใช่เรื่องใหม่และไม่ใช่ความคิดส่วนตัวของผม แต่เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยตั้งแต่พรรครักไทยมาก็พูดแบบนี้หลายครั้งหลายครั้งและครั้งนี้ก็ให้ผมเป็นผู้มาพูดตามนโยบายของพรรคเพื่อไทย-ไทยรักไทย

พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล สะเทือนต่อพรรคเพื่อไทย ในขณะที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย ถูกมองว่าเป็นเพียงเกมซื้อเวลา ความหวังสู่หนทางปรองดองจึงอาจมองไม่เห็นปลายทาง ในขณะที่กลับมองเห็นความวุ่นวายและวนลูปอยู่เบื้องหน้า