กรณีที่พรรคก้าวไกล ออกมาเรียกร้องให้มีการยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) นั้น ท่าทีของรัฐบาลเศรษฐา โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.รมน. ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีแนวคิดที่จะยุบกอ.รมน. แม้นายอดิศร เพียงเกษ ประธานวิปรัฐบาล จะออกมาสนับสนุนแนวทางดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลไม่เห็นด้วยก็เชื่อว่าร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 พ.ศ. .... ตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ เพื่อยุบเลิกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) นั้นคงไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร

กระนั้น หากฟังจากนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวยืนยันอีกครั้งว่า กอ.รมน. ยังเป็นหน่วยงานสำคัญที่บูรณาการกับส่วนราชการอื่น ทั้งกองทัพ และกระทรวงกลาโหม เพื่อการผลักดันนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล จึงไม่มีความจำเป็นต้องยุบ ในอดีต กอ.รมน.ถูกตั้งขึ้นในยุคที่บ้านเมืองมีปัญหาเรื่องความมั่นคง ไม่ใช่หน่วยงานใหม่ แต่ใช้ข้าราชการจากหลายๆกระทรวง บูรณาการจากหลายองค์กรมาทำงานด้วยกัน แต่ปัจจุบันบริบททางสังคมที่เปลี่ยนไป ประเทศกำลังเผชิญกับภัยในรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเหตุภัยพิบัติ สิ่งแวดล้อม ปัญหาภัยข้ามชาติ ปัญหายาเสพติด และความยากจน กองทัพจึงจำเป็นต้องปรับและเสริมให้ กอ.รมน. มีประโยชน์เข้ามาร่วมแก้ปัญหาภัยในรูปแบบเหล่านี้ที่เปลี่ยนไป ดังนั้นยืนยันว่ารัฐบาล ไม่มีการยุบ กอ.รมน.อย่างแน่นอน

“แนวทางของพรรคเพื่อไทย แทนที่จะยุบ คิดว่าปรับให้สอดคล้องกับปัญหาและความต้องการ และสถานการณ์ของประเทศ จะเหมาะที่สุด ปรับกำลังคนใหม่ให้เหมาะ ใช้เท่าที่จำเป็น หากปรับแล้ว ถ้าในอนาคต บ้านเมืองมีการเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน จนไม่มีความจำเป็นแล้ว วันนั้นค่อยมาคุยเรื่องการยุบ กอ.รมน.

ขณะที่นายเศรษฐา ชี้แจงว่า  ประเด็นแรก พรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายยุบ กอ.รมน. ในการหาเสียงของเรา และการยุบ กอ.รมน. ไม่อยู่ในนโยบายที่ตนแถลงต่อรัฐสภา

ประเด็นที่ 2 พรรคเพื่อไทย และรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย มีความประสงค์ ความปรารถนาที่จะทำกองทัพให้ทันสมัย สอดคล้องกับความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และในส่วนของ กอ.รมน. เราตระหนักดีว่าบทบาทการปราบปรามศัตรูของรัฐในยุคสงครามเย็นได้จบลงแล้ว บัดนี้ในยุคของรัฐบาลพลเรือนโดยตนเป็นนายกรัฐมนตรี จะทำให้ กอ.รมน. มีบทบาทในการเป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคงทางประชาธิปไตย ปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน และในยามวิกฤติก็พร้อมช่วยเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประชาชนด้วย

ประเด็นที่ 3 พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลนี้ เชื่อในเรื่องการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางความขัดแย้งทางอุดมการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อมาเกือบ 20 ปี เรายืนยันไม่เลือกหนทางที่จะหักโค่นทำลายกันและกัน แต่เลือกวิธีประสานแนวคิด วิธีการทำงานให้เป็นคุณต่อประชาชน เพราะเราตระหนักดีว่าความต่อเนื่องของการเมืองในระบอบการเลือกตั้งคือหัวใจของประชาธิปไตยที่ยั่งยืนและสันติที่สุด

ฉะนั้น หากอ่านจากแนวคิดของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเห็นว่านอกจากจะไม่ยุบ กอ.รมน. และยังมีแนวทางในการปรับปรุงรองรับภัยในรูปแบบใหม่ ซึ่งหน่วยงานในเชิงป้องกันนี้ ควรได้รับการส่งเสริม ในทางกลับกันต้องเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพ