แม้รัฐบาลเศรษฐา 1 จะมีชั้นความลับ และมีกติกาในเรื่องการให้ข้อมูลข่าวสารกับสื่อมวลชน แต่เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2566 มีเอกสารหลุดออกมาเป็นข่าวแพร่สะพัดในโลกออนไลน์ เป็นคำสั่งของนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ศึกษาเรื่องการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ และการปรับอัตราเงินเดือนสำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างกว้างขวาง

โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้ส่งหนังสือถึงหน่วยงานราชการรับทราบข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา เรื่อง การปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำและการปรับอัตราเงินเดือนสำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

สาระสำคัญระบุว่า ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้ว่า รัฐบาลมีนโยบายในการสร้างรายได้ สร้างชีวิตของคนไทยให้มีเกียรติ มีเงินเดือนและค่าแรงขั้นต่ำที่เป็นธรรมสอดคล้องและเพียงพอต่อปัจจัยด้านการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี จึงขอมอบหมาย ดังนี้

ให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำและรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว

ให้ ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการข้าราชการพลเรือนรับไปเร่งรัดให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ แนวทาง กรอบระยะเวลา และผลกระทบของการปรับอัตราเงินเดือนสำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ชัดเจน และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็วภายในเดือนพฤศจิกายน 2566

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้แจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตามบัญชีแนบท้ายทราบด้วยแล้ว

ต่อมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวยอมรับว่าเอกสารการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและเงินเดือนข้าราชการ เป็นข้อสั่งการให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการพิจารณาเรื่องเงินเดือนข้าราชการ หลังจากกระทรวงแรงงานอยู่ระหว่างการพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำ จึงเห็นว่าการยกระดับค่าแรงควรจะต้องดูทั้งระบบทุกภาคส่วน จึงได้มอบให้คณะทำงานศึกษาแล้วรายงานกลับมาภายในสิ้นเดือนนี้ว่ามีความเป็นไปได้อย่างไร หลังจากมีผลศึกษาความเป็นไปได้แล้วจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ก็ต้องมาดูอีกที จึงได้บอกว่าต้องมีการศึกษาเรื่องนี้ ซึ่งสืบเนื่องตามที่เคยพูดไปแล้วว่าเงินเดือนของข้าราชการและค่าแรงขั้นต่ำไม่ได้ขึ้นมานานแล้ว ขณะที่ปัจจุบันค่าครองชีพสูงขึ้นไปมาก รัฐบาลเป็นห่วงประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งค่าแรงขั้นต่ำและเงินเดือนข้าราชการ

อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่า เรื่องดังกล่าวคงต้องรอให้ขั้นตอนของคณะกรรมการศึกษาฯ ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ อย่างไรและเมื่อไหร่ ขณะที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงที่มาของแหล่งเงิน ที่จะทันงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 หรือไม่ หรืออาจรอไปในปีงบประมาณ 2568  ทว่าข่าวที่แพร่สะพัดออกไป อาจทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ในการปรับราคาสินค้าและบริการ ที่อาจทำให้การปรับเงินเดือนและค่าแรงไม่เป็นผล จึงต้องควบคุมราคาสินค้าไม่ให้ขยับขึ้นโดยไม่มีเหตุผล