คราวที่ผู้เขียนได้ร่วมทริปกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) นำคณะสื่อมวลชนไทยไปเยือนนครนานกิง หรือหนานจิง ของประเทศจีน เป็นมหานครที่สำคัญทางประวัติ โดยเคยเป็นเมืองหลวงของจีนมาสิบยุคสมัย  ปัจจุบันความเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมเก่าแก่ และการพัฒนาเทคโนโลยีต่างอย่างลงตัว  เชื่อมต่อโครงสร้างคมนาคมขนส่งด้วยรถไฟความเร็วสูง จากเซี่ยงไฮ้เมืองใหญ่ที่สุดของจีน 

สิ่งหนึ่งที่ประทับใจและคาดหวังว่าไทยจะยกระดับได้เทียบเท่าในอนาคตข้างหน้า คือมาตรฐานด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และนักท่องเที่ยว

ตั้งแต่สนามบินนานาชาติซ่างไห่ผู่ตง ในระบบคัดกรองต่างๆ นอกจากอัตลักษณ์บุคคล ที่ต้องบอกว่าการเปลี่ยนสีผมตามแฟชั่น อาจได้ตอบคำถามเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเพียงเล็กน้อย แต่ไม่ได้ทำให้เป็นปัญหาในการเข้าประเทศแต่อย่างใด ทั้งนี้ที่ต้องคำนึงถึงคือ การห้ามนำวัตถุอันตรายและสิ่งของต้องห้าม ทั้งขาไปและขากลับ

โดยเฉพาะขากลับ นักท่องเที่ยวชาวไทยหากจะนำของที่ระลึกกลับมาฝากคนที่บ้าน ต้องคำนึงให้ดีว่าเป็นสิ่งของที่อาจทำให้เกิดประกายไฟได้หรือไม่  เช่น ไม้ตียุงไฟฟ้าก็อาจไม่ผ่านการคัดกรอง สเปรย์ฉีดผมเกิน 120 มิลิลิตร เป็นต้น

ในขณะการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง ก็มีระบบคัดกรองผู้โดยสารที่เข้มข้นไม่แพ้กัน ต้องผ่านเครื่องสแกนสัมภาระ สแกนใบหน้า ฉะนั้นหากจะเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงที่ต้องจองตั๋วล่วงหน้าแล้ว  ควรเผื่อเวลาอย่างน้อย 45 นาทีด้วย  สัมภาระจึงควรใส่กระเป๋าลากเพื่อความสะดวกและต้องใช้เวลาในการเดินพอสมควร ระหว่างจากจุดพักรอขบวนรถไฟไปถึงชานชาลา และตู้โดยสาร นั่นหมายรวมถึงการเข้าพักในโรงแรม ก็ต้องสแกนใบหน้าก่อนเข้าพักเช่นกัน

หันกลับที่บ้านเรา แม้ยังไม่ได้ยกระดับเทคโนโลยีเรื่องสแกนใบหน้า แต่จำเป็นต้องยกระดับการจัดการระบบรักษาความปลอดภัย พัฒนานวัตกรรมด้านความปลอดภัยต่างๆ การประเมินและควบคุมความเสี่ยง รวมทั้งการสร้างความตระหนักและฝึกทักษะการรับมือกับภัยรูปแบบใหม่ให้กับประชาชน เช่นเดียวกับการซ้อมหนีไฟ อุบัติเหตุและอุบัติภัยต่างๆ

ขณะเดียวกันไทยเราเพิ่งผ่านเหตุการณ์สะเทือนขวัญจากฝีมือเยาวชน ก่อเหตุร้ายกลางห้างสรรพสินค้าชื่อดังได้เดือนเศษๆ ช่วงแรกๆหลังเกิดเหตุการณ์ หลายภาคส่วน โดยเฉพาะการรักษาความปลอดภัยตามห้างสรรพสินค้าชื่อดังหลายแห่ง พบเห็นการยกระดับความเข้มงวดตรวจตราผู้คนเข้าออก โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยใช้เครื่องตรวจจับโลหะ รวมทั้งก่อนเข้าใช้บริการในรถไฟฟ้า ที่ผ่านจุดสแกนสัมภาระและใช้เครื่องตรวจจับโลหะเช่นกัน

แต่หลังผ่านเหตุการณ์มา 1 เดือน ห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง พบเห็นการเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าวน้อยลง

ในขณะที่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวความร่วมมือระหว่างตำรวจไทยกับตำรวจจีน ประสานข้อมูลเพื่อป้องปรามอาชญากรรม ยกระดับให้ใกล้ชิดมากขึ้น ทั้งหมดทั้งมวล เราคาดหวังว่าจะเกิดประโยชน์สูงสุด ในการเฝ้าระวัง ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนคนไทย นักท่องเที่ยวจีนและทุกสัญชาติ บนพื้นฐานของการรักษาดุล ระหว่างความมั่นคงและปลอดภัย