รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์

ประธานที่ปรึกษาสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

หากมองย้อนถึงมหาวิทยาลัยสวนดุสิตโดยใช้กรอบเวลานำ ก็จะพบว่ามหาวิทยาลยสวนดุสิตเริ่มปรากฏตัวตนเป็นครั้งแรกจากโรงเรียนมัธยมวิสามัญการเรือน แล้วปรับเปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนการเรือนวังจันทรเกษม และโรงเรียนการเรือนพระนคร ตามลำดับ ซึ่งอยู่ช่วงปี พ.ศ. 2477 – 2504  (รวมเวลา 27 ปี) ความสำคัญของช่วงเวลานี้เป็นรากเหง้าที่ส่งผลถึงความโดดเด่นที่เชื่อมโยงมาถึงทุกวันนี้และต่อไปในอนาคต มี 2 ประการคือ ประการแรก การเป็นโรงเรียนการเรือนแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งแม้ว่านามหรือชื่อ (Name) ของโรงเรียนจะเปลี่ยนแปลงอันเป็นผลมาจากการย้ายพื้นที่เรียน (Location) แต่คำว่า “การเรือน” ยังคงอยู่ ประการที่สอง การเกิดขึ้นของโรงเรียนอนุบาลที่เป็นของรัฐแห่งแรกของประเทศไทย “โรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ”

ต่อมาก็พัฒนาเป็นวิทยาลัยครูสวนดุสิต อยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2504 – 2538 (รวมเวลา 34 ปี) นับเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุด ความสำคัญของช่วงเวลานี้ก็คือ โรงเรียนการเรือนพระนครยกฐานะขึ้นเป็นวิทยาลัยครู สังกัดกรมการฝึกหัดครู กระทรวงศึกษาธิการโดยมีเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นคือ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารและวิชาการ การเปิดหลักสูตรคหกรรมศาสตร์ระดับ ปริญญาตรีเป็นแห่งแรกของประเทศไทย การเกิดขึ้นของโรงแรมสวนดุสิตพาเลซ หรือปัจจุบันมีชื่อว่า โรงแรมสวนดุสิตเพลส เพื่อใช้เป็นแหล่งฝึกปฏิบัติการวิชาชีพธุรกิจโรงแรมรองรับการท่องเที่ยว และการเกิดขึ้นของสวนดุสิตโพล เพื่อเป็นแหล่งฝึกประสบการณ์ของนักศึกษาโดยเฉพาะหลักสูตรบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์

 จากนั้นก็พัฒนาเป็นสถาบันราชภัฏสวนดุสิต อยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2538 – 2547 (รวมเวลา 9 ปี) นับเป็นช่วงเวลาที่รุ่งเรืองมากที่สุด ความสำคัญของช่วงเวลานี้ก็คือ วิทยาลัยครูสวนดุสิตยกฐานะเป็นสถาบันราชภัฏ สังกัดสำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ กระทรวงศึกษาธิการ ส่วนเหตุการณ์สำคัญของช่วงเวลานี้คือ การมุ่งจัดการเรียนการสอนด้านคหกรรม อาหาร การศึกษาปฐมวัย และอุตสาหกรรมบริการที่เป็นความเชี่ยวชาญของสถาบันที่มาแต่เดิมให้เข้มแข็งมากขึ้น การขยายโอกาสทางการศึกษาโดยการเปิดศูนย์การศึกษานอกที่ตั้งรวม 20 แห่งทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด การพัฒนาระบบห้องสมุดเสมือนต้นแบบแห่งแรกของประเทศไทย โรงเรียนสาธิตอนุบาลละอออุทิศเปิดสอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เป็นครั้งแรก และสวนดุสิตโพลเป็นที่รู้จัก ยอมรับและมีชื่อเสียงมากจากการทำนายผลโพลที่แม่นยำ

ถัดมาก็พัฒนาเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต อยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2547 - 2558 (รวมเวลา 11 ปี) ความสำคัญของช่วงเวลานี้ก็คือ สถาบันราชภัฏยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เหตุการณ์สำคัญในช่วงเวลานี้คือ การจัดการเรียนการสอนเน้นตามอัตลักษณ์เฉพาะทางของมหาวิทยาลัย 4 ด้าน ได้แก่ อาหาร ปฐมวัย อุตสาหกรรมบริการ และพยาบาลศาสตร์ โดยการจัดตั้งโรงเรียนการเรือน โรงเรียนการท่องเที่ยวและการบริการ และคณะพยาบาลศาสตร์ ส่วนคณะครุศาสตร์ดูแลการศึกษาปฐมวัย และปรับเปลี่ยนชื่อโรงเรียนสาธิตอนุบาลละอออุทิศเป็นโรงเรียนสาธิตละอออุทิศ และการลดจำนวนศูนย์การศึกษานอกที่ตั้ง

ล่าสุดพัฒนาเป็นมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ถึงปัจจุบัน (รวมเวลา 8 ปี) ความสำคัญของช่วงเวลานี้ก็คือ การเปลี่ยนชื่อจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตเป็นมหาวิทยาลัยสวนดุสิต และมีฐานะเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ (Autonomous University) เหตุการณ์สำคัญในช่วงเวลานี้คือ การมุ่งพัฒนาความเป็นเลิศบนความเชี่ยวชาญตั้งแต่อดีตของมหาวิทยาลัย เน้นการพัฒนาบุคลากรและนักศึกษาโดยยึดโยงกับ “ความเป็นสวนดุสิต” การสร้างตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยขึ้นใหม่ และการพัฒนามหาวิทยาลัยให้อยู่รอดอย่างยั่งยืน

ด้วยประวัติความเป็นมาที่ยาวนานของ “สวนดุสิต” ที่เล่าสู่กันข้างต้นนี้ และในอีกประมาณ 5 เดือนข้างหน้ามหาวิทยาลัยก็จะมีอายุครบ 90 ปีเต็ม มหาวิทยาลัยสวนดุสิตจึงได้จัดกิจกรรมครั้งใหญ่ในวาระและโอกาสพิเศษเพื่อก้าวเข้าสู่ทศวรรษ ที่ 10 ด้วยความภาคภูมิ มั่นคง และยั่งยืนบนพื้นที่กว่า 200 ไร่ ของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิทยาเขตสุพรรณบุรี ระหว่างวันที่ 8-9 ธันวาคมนี้ ธีม “งาน 9 ทศวรรษ รวมตัวสร้างสรรค์ ร่วมกันพัฒนาอย่างยั่งยืน” ซึ่งภายในงานจะสะท้อนถึงศักยภาพของ “สวนดุสิต” ผ่านกิจกรรมเด่น 3 กิจกรรมหลัก คือ SDU Community Engagement Expo 2023 – นิทรรศการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชนและภาคีเครือข่าย กิจกรรมชิม ช็อป ชิล สินค้าเกษตรปลอดภัยวิถีใหม่, SuanDusitness – การแสดงผลงานการเดินทางผ่านกาลเวลาของมหาวิทยาลัยสวนดุสิตบนความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และผลงาน สู่แรงบันดาลใจและการอยู่รอดอย่างยั่งยืน และงานเย็บร้อย ค่อยจีบ ประดิษฐ์ใบตอง ระดับชาติ ครั้งที่ 11 

นอกจากนี้ ยังมีอีก 1 ไฮไลต์ที่เป็น 1 ในผู้วางรากฐานและขับเคลื่อน “สวนดุสิต” ให้เป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำและ มีชื่อเสียง บอกเล่าผ่านหนังสือชื่อ “จิบกาแฟกับเรื่องเล่าจากอธิการบดี” (Coffee Breaks : President’s Storytellings) ที่รวมเรื่องเล่าจากประสบการณ์ มุมมอง และความคิดเชิงนโยบายและวิชาการของอธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต “รองศาสตราจารย์ ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน” 5 เรื่อง ได้แก่ “สวนดุสิต” กับธุรกิจวิชาการ,  SDU Directions: ลมหายใจของคนสวนดุสิต, ทำไม “สวนดุสิต” ต้อง “คิดต่าง”, วันพรุ่งนี้ยังต้องมี “สวนดุสิต”, และหัวอกคนเป็นอธิการบดี ซึ่งจัดแสดงบริเวณบูธ OWL : One World Library อาคาร ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ ชั้น 3

ตบท้ายขอเชิญชวนผู้อ่านทุกท่านไปเที่ยว “งาน 9 ทศวรรษ รวมตัวสร้างสรรค์ ร่วมกันพัฒนาอย่างยั่งยืน” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต แค่ไปงานเดียวได้ครบจบในที่เดียว อิ่มท้อง อิ่มสมอง รับรสความสุข ความสนุก สาระความรู้ นวัตกรรม และความเป็นไทยส่งท้ายเดือนสุดท้ายกันครับ ทั้งนี้ ผู้อ่านที่สนใจเข้าร่วมงานสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2244 5555 หรือลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่วงหน้าได้ที่ https://sduexpo2023.dusit.ac.th/regis