แต่ละแฟคเตอร์ทางการเมือง แม้บางครั้งจะอยู่กับคนละขั้ว คนละปีก ทว่าในความเป็นจริงอีกด้านหนึ่ง ต่างสามารถเป็น อะไหล่ ทางการเมือง  เพื่อสร้างอำนาจการต่อรอง ได้ทุกเมื่อ หากเงื่อนไขและจังหวะลงตัว ! 


 การจัดทัพในปีกของ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ความขัดแย้ง จากที่ ร้าวลึก ระหว่างสองกลุ่มอำนาจในพรรคเดียวกัน ได้เดินมาถึง จุดแตกหัก อย่างที่เห็นและมีแนวโน้มว่าจะดำเนินต่อไปอีกพักใหญ่ 


 เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้ เฉชิมชัย ศรีอ่อน นั่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ และ เดชอิศม์ ขาวทอง  สส.สงขลา มานั่งในตำแหน่ง เลขาธิการพรรค คู่ใจ  เท่ากับว่า ขั้วของเฉลิมชัย ยึดพรรคเบ็ดเสร็จ มี 21 สส. ที่เป็น สายตรง ในมือ แต่ในภาพรวมคือ 25 สส. โดยรวมในปีกของ ชวน หลีกภัย  สส.บัญชีรายชื่อ แม้จะยืนกันคนละขั้ว แต่ก็ร่วมเป็นเสียงสส. ของพรรค 


 แน่นอนว่าเมื่อประชาธิปัตย์ ปรับโครงสร้างพรรคใหม่ ขั้วอำนาจใหม่เข้ามาแทนที่ กลุ่มนายหัวชวน ได้สร้าง แรงกระเพื่อม ต่อไปยัง พรรคร่วมรัฐบาล ครม. เศรษฐา 1 ตามมาทันที ! 
 อย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้ กลุ่มสส.ในสังกัดของเฉลิมชัย เคยยกมือโหวตสนับสนุนให้เศรษฐา แคนดิเดตนายกฯจากพรรคเพื่อไทย ได้เป็นนายกฯคนที่ 30 ในสภาฯมาแล้ว  ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม แต่ในทางการเมืองแล้วนี่คือ สัญญาณ จาก มิตร  มากกว่าที่จะเป็น ศัตรู 


 พรรคประชาธิปัตย์ในมือเฉลิมชัย จะกลายเป็น พรรคอะไหล่ ให้กับ พรรคเพื่อไทยเพื่อเอาไว้ ข่มขวัญ และเขย่าขวัญ พรรคร่วมรัฐบาลในวันข้างหน้า หรือไม่ คือโจทย์การเมืองเรื่องใหม่ ที่ยังต้องรอการพิสูจน์ !


 แต่ขณะเดียวกันย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกที่ อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล จะถูกตั้งคำถามเรื่องดังกล่าว และตามสไตล์ของอนุทิน ไม่ได้แสดงความกังวลใดๆ และย้ำว่าหากใครคิดต่อรองกัน ก็คงไม่ใช่พวกกัน 


  นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นเพื่อนของผม หากคิดแต่เรื่องการต่อรอง นั่นไม่ใช่รัฐบาลแล้ว เราอยู่ตรงนี้มีเสียง 314 เสียงแล้ว คงไม่มีใครไปต่อรองอะไร หากมีคำว่าต่อรองเข้ามาก็ถือว่าไม่ใช่พวกเดียวกันแล้ว (12 ธ.ค.66) 


 ทางด้านมือทำงานของพรรคเพื่อไทย อย่าง ภูมิธรรม เวชยชัย  บอกเลยว่ายังไม่คิดเรื่องการปรับครม.หรือดึงใครเข้ามาร่วมรัฐบาล 
 การขยับของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมี 25 สส.อยู่ในมือ จะเลือกสถานะใด ระหว่าง พรรคร่วมฝ่ายค้านหรือพรรคร่วมรัฐบาล ล้วนแล้วแต่มีผลกระทบต่อสมการการต่อรองทางการเมืองทั้งสิ้น !