กรณีครูชัยยศ สุขต้อ อายุ 57 ปี อดีตครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนยางเปา อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ที่ถูกคำสั่งปลดออกจากราชการ หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดกรณีเซ็นตรวจรับงบอาหารกลางวันเด็ก

เรื่องนี้ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ชี้แจงว่านายชัยยศ สุขต้อ ลงชื่อรับรองอันเป็นเท็จ จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหาร พัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 โดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการตรวจสอบในภายหลังว่าการจัดซื้อจัดหาอาหารกลางวันของโรงเรียนบ้านยางเปาดำเนินการครบถ้วนหรือไม่ อีกทั้ง การไม่ดำเนินการจัดซื้อตามระเบียบย่อมเป็นการดำเนินการเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โรงเรียนบ้านยางเปา  จึงชี้มูลความผิดนายชัยยศ  มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1), (4) และ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

“การกระทำของผู้ถูกกล่าวหา จะเห็นได้ว่ามีประเด็นที่คลาดเคลื่อนจากการนำเสนอข่าว จำนวน 2 ประเด็น คือ ยอดเงินในส่วนเงินที่เหลือประมาณสัปดาห์ละ 10,000บาท รวม 15 สัปดาห์ เป็นเงินจำนวน 172,240 บาท ที่ไม่สามารถแจกแจงรายละเอียดได้ และจากการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชนว่านายชัยยศ สุขต้อ ถูกปลดออกจากราชการ สืบเนื่องจากการที่นายชัยยศ สุขต้อ ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการ ตรวจรับอาหารกลางวัน นำอาหารในส่วนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาแบ่งให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นรับประทานนั้น เป็นการเผยแพร่ข้อความที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง”

ทางด้านนายโสภณ ซารัมย์ ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเองเคยเป็นครูมานานกว่า 25 ปี ก่อนที่จะมาเป็น สส.ขอยืนยันว่าไม่มีโรงเรียนไหนทำตามระเบียบได้ ครูจะต้องหาวิธีที่ทำให้นักเรียนอยู่รอด ด้วยการโยกเงินจากอาหารกลางวันไปซื้อแก๊ส หรือเครื่องปรุงก่อน เมื่อเบิกเงินได้ค่อยเอาไปคืน รวมถึงเด็กระดับ ม.1-ม.3 ครูจำเป็นจะต้องเจียดเอาส่วนใดส่วนหนึ่งมาให้เด็กได้กินบ้าง ไม่มีครูคนไหนปล่อยให้เด็กอดอยากต่อหน้าได้ โรงเรียนในตัวเมืองไม่มีปัญหา เช่นเดียวกับโรงเรียนแบบขยายโอกาสที่เพิ่มการสอนระดับ ม.1-ม.3 โรงเรียนกลุ่มนี้จะมีเด็กนักเรียนประมาณ 30-40 คนรวมกันทั้ง 3 ชั้น เด็กกลุ่มนี้กลับไม่ได้รับเงินอุดหนุนค่าอาหารกลางวันทั้งที่เป็นนักเรียนกลุ่มเดียวกัน ครูจะปล่อยให้อดได้อย่างไร

“ที่ผ่านมาครูมักจะโดน ตรวจสอบเป็นประจำโดยเฉพาะการทำอาหารกลางวันเด็ก ตรงกับความเป็นจริงเกินไป เช่นโรงเรียนแห่งหนึ่ง มีนักเรียน 40 คน ได้รายงานอาหารกลางวันครบทุกวัน กลับโดนซักว่า "ไม่มีเด็กขาดเลยหรือ" ทำไมทำครบทุกวัน ประเด็นนี้ขอตอบแทนครูว่า “ใครจะไปรู้ว่าเด็กจะขาดวันไหน” ต้องเตรียมอาหารครบจำนวน เอาไว้ก่อน เหตุการณ์ของครูชัยยศเป็นเรื่องที่น่าเศร้า และถือเป็นครูที่โชคร้ายที่สุด เพราะทุกโรงเรียน ทั่วประเทศทำในลักษณะเดียวกัน หาก ป.ป.ช.ตรวจสอบ ทุกโรงเรียน เชื่อได้ว่าครูจะถูกปลดออกแทบทุกโรงเรียน เช่นเดียวกัน จึงอยากจะวอนให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหา ด้วยการแก้ไขระเบียบที่หมักหมมมานานกว่า 30 ปี สมัยก่อนอยู่ได้เพราะไม่มี ป.ป.ช.กลายเป็นว่าตอนนี้เท่ากับครูซึ่งจำเป็นต้องทำผิดระเบียบ อยู่ในภาวะ กังวลเท่ากับเอาอนาคตฝากไว้กับระเบียบที่ยังไม่รู้ว่าตนเองจะโดนวันไหน”

อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่า ในส่วนของสภาฯจะดำเนินการแก้ไขระเบียบฯก็ดำเนินไป แต่เห็นจะไม่ทันกาล หากแต่ในเบื้องต้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง  ควรร่วมกันพิจารณาโดยเร่งด่วน ความผิดของนายชัยยศว่า การกระทำในครั้งนี้ ควรมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ย้อนกลับไปสู่นายชัยยศหรือไม่ เพื่อพิสูจน์เจตนาของนายชัยยศว่าได้รับประโยชน์อื่นใดหรือไม่ และคลี่คลายความสงสัยของสังคม อีกทั้งยังกระทบกับขวัญและกำลังใจบุคคลากรครู หากไม่พบเส้นทางเงินหรือประโยน์อื่นใด ควรหรือไม่ที่จะพิจารณาบรรเทาโทษ ทั้งโทษในการปลดออกจากราชการ  และโทษทางอาญา