เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายแล้ว สำหรับวิธีในการอยู่กับความทุกข์ ที่ตกผลึกจากข้อคิดของ พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต จากสารธรรมาตา ปีที่ 6 ฉบับที่ 2 (กันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม 2555) เรื่อง “อยู่กับความทุกข์ให้เป็น”  มีความดังนี้

“คนส่วนใหญ่เวลามีอะไรมากระทบกาย ใจก็ทุกข์ไปด้วย อันนี้รวมถึงเรื่องความไม่สมหวังด้วย แต่ถ้าหากไม่อยากเป็นทุกข์ เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับทุกข์ให้ได้โดยที่ใจไม่ทุกข์ ซึ่งรวมถึงเรียนรู้ที่จะอยู่กับความเศร้า เรียนรู้ที่จะอยู่กับความเบื่อให้ได้ โดยไม่ต้องวิ่งหนีมัน เพราะการทำเช่นนั้นบางครั้งไม่ได้แก้ปัญหาจริง เพราะไป ๆ มา ๆ กลับวิ่งไปหาความทุกข์ มีลูกของเพื่อนคนหนึ่งมาปรึกษาว่าเพิ่งเลิกกับแฟน เพราะแฟนเป็นคนเจ้าชู้ แต่เธอก็ยังกลับไปหาเขา ทั้งๆ ที่รู้ว่าผู้ชายคนนี้คบไม่ได้ เธอบอกว่าอยู่คนเดียวไม่ได้ มันเหงา จึงอดไม่ได้ที่จะกดโทรศัพท์ไปคุยกับผู้ชายคนนั้น เธอบอกว่าทรมานใจมากเวลาอยู่คนเดียว เธอพยายามหนีความเหงาแต่กลับวิ่งไปหาคนที่ไม่ซื่อต่อเธอ ถ้าเอาแต่หนีความเหงาแบบนี้ก็ไม่มีทางที่จะพ้นทุกข์จากความเหงาได้

เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับความเหงาให้ได้ ด้วยการมีสติเห็นมัน สติทำให้เราเห็นว่า ใจเหงา ไม่ใช่ฉันเหงา การปรุงแต่งจะไม่เกิดขึ้นถ้าเรามีสติ แต่ถ้าเรามีสติ ก็จะไม่ปรุงว่าฉันเหงา ฉันปวด ฉันเศร้า ที่จริงไม่มีฉันผู้เหงา ผู้ปวด ผู้เศร้า มันมีแต่ความเหงา ความปวด ความเศร้าเท่านั้นที่เกิดขึ้น

วีธีการอยู่กับความทุกข์ด้วยสติต้องเริ่มต้นจากความตระหนักว่า ทุกข์เกิดขึ้นเพราะความเผลอ ความลืมตัว ความไม่มีสติ เมื่อใดที่เราลืมตัว ตัวตนก็เกิดขึ้น พูดอย่างนี้พอเข้าใจไหม ถ้าตอนนี้ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร ให้ลองสังเกตดูว่าเมื่อใดที่ลืมตัว ตัวตนก็จะเกิดขึ้น เช่น เรารู้สึกเป็นทุกข์เป็นร้อนก็เพราะลืมตัว ถ้าใจไม่มีสติ ก็จะปรุงแต่งตัวตนให้เกิดขึ้น ดังนั้นจึงอยากให้เราหมั่นดูกาย ดูใจ ดูเวทนา ด้วยใจที่เป็นกลาง ๆ คือดูเฉย ๆ ไม่ยินดียินร้าย ไม่ผลักไสไม่ไขว่คว้า ถ้าเราดูกาย ดูใจ ดูเวทนาเวลามันเกิดขึ้นโดยไม่ปรุงแต่งมัน หรือไม่มีปฏิกิริยาต่อมัน ก็จะเห็นว่ามันมีอยู่ แต่ทำอะไรใจเราไม่ได้ แม้กายจะทุกข์ แต่ใจไม่ทุกข์ ต่อไปเราก็จะเป็นมิตรกับความทุกข์ ความเหงา ความเศร้าได้ เพราะต่างคนต่างอยู่ ไม่มารังควาญใจเรา

 ถ้าเรารู้จักอยู่กับความทุกข์ได้ เมื่อถึงคราวที่เราจะตาย เราก็จะยอมรับมันได้ ความตายก็ทำอะไรเราไม่ได้ เราสามารถเป็นมิตรกับความตายได้ ถึงตอนนั้นความตายจะไม่ใช่สิ่งน่ากลัวต่อไป อันนี้เป็นศิลปะในการดำเนินชีวิต อะไรก็ตามที่เราหนีไม่พ้น เราควรเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ นี้คือศิลปะการอยู่ในโลกนี้อย่างไม่ทุกข์”