เสร็จสิ้นจากการรับมือ ฝ่ายค้าน ที่ชำแหละร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 กันไปหมาดๆ  แต่ล่าสุดดูเหมือนว่า รัฐบาล อาจจะต้องเตรียมรับมือกับ วุฒิสภา เมื่อสภาสูงร่ำๆจะตรวจสอบรัฐบาลด้วยการขอยื่นญัตติซักฟอก  ก่อนทิ้งทวนหมดวาระในเดือนพ.ค.นี้ 
 

ทั้ง ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม และ กิตติศักดิ์  รัตนวราหะ ออกมาส่งสัญญาณว่า วุฒิสมาชิกมีความเห็น ขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา 153 โดยให้เหตุผลว่า ไม่เกี่ยวว่ารัฐบาลจะบริหารประเทศมานานกี่วัน แต่ขึ้นอยู่กับ พฤติกรรม ของรัฐบาลมากกว่า เพราะหากมีปัญหา 1 วันก็ถือว่าแพงเกินไปแล้ว 
 

อย่างไรก็ดี ประเด็นที่สว.ต้องการเขย่ารัฐบาลของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง  นอกเหนือไปจากประเด็นที่ว่าด้วยเรื่องของการบริหารงานรัฐบาลแล้ว ยังน่าสนใจว่า การตั้งธง ไปที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้มีอิทธิพลเหนือพรรคเพื่อไทย และรัฐบาล คือไฮไลต์สำคัญ 
 

ทั้งในประเด็นที่ว่า ทักษิณ ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ บนชั้นที่ 14 จริงหรือไม่ การรักษานอกเรือนจำเกินกว่า 120วัน พ่วงกับระเบียบของกรมราชทัณฑ์ที่ถูกมองว่า ออกมาเพื่อเอื้อต่อทักษิณ ให้อยู่นอกเรือนจำได้ เนื่องจากสามารถกำหนดเป็น สถานที่อื่นใด ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องร้อนๆ ที่สว.ในสายที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับขั้วอำนาจทักษิณ ประเมินได้ว่านี่คือ จุดตาย ต่อทั้งพรรคเพื่อไทยและรัฐบาล  ยิ่งเมื่อมองย้อนกลับไปยังการอภิปรายของสส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่จงใจขยายแผล ว่าด้วยเรื่องทักษิณ ติดคุกทิพย์ ยังทำให้คนของพรรคเพื่อไทยพากันนั่งไม่ติด 
 

ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวทางการเมืองของสว.ที่กำลังจะใช้กลไกในสภาฯตรวจสอบรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการ ต่อยอด  ต่อจาก ฝ่ายค้าน หรือไม่ก็ตาม แต่ประเด็นที่สว.สายขั้วอำนาจเก่า สายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกฯ ซึ่งเคยยกมือโหวตสนับสนุนชื่อของเศรษฐา ให้ได้นั่งนายกฯ จำนวน 152 เสียงของสว.  
 

จนทำให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล และเศรษฐา ได้เก้าอี้ นายกฯคนที่30 ย่อมไม่ใช่ประเด็นแค่การทิ้งทวน รักษารังวัดของสภาสูงเท่านั้น  แต่นี่อาจเป็นสัญญาณ จากปีกอำนาจเดิมที่ต้องการสะกิดทั้งนายกฯเศรษฐา ไปจนถึงอดีตนายกฯทักษิณ ให้แตะเบรกการเมือง กันเอาไว้บ้าง !