สยามรัฐ ยึดมั่นอุดมการณ์ปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติศาสน์ กษัตริย์ ยืนหยัดรับใช้สังคมด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ …*…

คำถามถึงธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับนโยบายกำกับดูแลการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของแบงก์พาณิชย์ต่างๆ ดังเซ็งแซ่ขึ้นอีกครั้ง หลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวว่า “จากการที่แบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยทั้งๆ ที่เงินเฟ้อติดลบติดต่อกันหลายๆ เดือนนั้น ไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจเลย และยังมีผลกระทบต่อประชาชนที่มีรายได้น้อย และ SME อีกด้วย ผมจึงอยากให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เข้าไปดูราคาสินค้าเกษตรบางชนิดให้เหมาะสม เพราะอาจจะต่ำไปก็ได้ และหวังว่า แบงก์ชาติจะช่วยดูแลประชาชนไม่ขึ้นดอกเบี้ยสวนทางกับเงินเฟ้อนะครับ” …*…

 สอดรับกับมุมมองจากนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานที่ปรึกษาของนายกฯ  ที่ได้ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก “Kittiratt Na Ranong” ว่า ธุรกิจที่การแข่งขันต่ำ รวมหัวกัน “ทำกำไรสูง” บนความวินาศของลูกค้า... ถือว่าน่ารังเกียจนัก  และที่น่าตำหนิที่สุด คือ “ผู้มีอำนาจหน้าที่โดยตรง” ที่(ไม่)กำกับดูแล …*…

ที่ผ่านมานั้นนายกิตติรัตน์ได้แสดงจุดยืนผ่าน facebook ส่วนตัวแสดงความไม่เห็นด้วยกับการขึ้นดอกเบี้ยมาตลอด ไล่ตั้งแต่การโพสต์ในวันที่ 10 สิงหาคม 2566 ว่า “การเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ด้วยหวังจะชะลอเงินเฟ้ออันเกิดจากต้นทุนที่สูงขึ้น (Cost push inflation) ในยามที่ความสามารถในการชำระหนี้ครัวเรือนกำลังอ่อนแอ จะเรียกว่าเป็นความ “โง่เขลา” ได้ไหม? ส่วนการปรามว่านักการเมือง ในยกใหม่ว่า “อย่าประชานิยมนัก” คืออยากได้ “ประชาวิบัติ” อย่างเดิมๆ นักหรือ? (ผมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแบบไทยเฉยก็ได้... แต่อยากเตือนสติผู้มีอำนาจวาสนาที่เป็นอยู่อย่างมั่งมีให้เดินออกมาจากห้องแอร์ ดูความจริงของชีวิตผู้คนบ้าง) …*…

 ถัดมา 30 กันยายน 2566 นายกิตติรัตน์โพสต์ยิงหมัดตรงใส่แบงก์ต่างๆว่าว่า “ขอเรียนถาม “ธนาคารพาณิชย์ ที่ขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้” ในยามที่ภาวะเศรษฐกิจเป็นแบบนี้... “ท่านไม่สงสารลูกหนี้ของท่านบ้างเลยหรือ?” …*…

5 ธันวาคม 2561นายกิตติรัตน์โพสต์ย้ำว่า “ดอกเบี้ยเงินกู้สูงขึ้น คือปัญหารุนแรงของลูกหนี้เงินกู้... ลูกหนี้รับดอกเบี้ยปัจจุบันไม่ไหวแล้ว (ไม่ใช่รับได้สบาย... ผมขอยืนยัน) …*…

 และ 5 มกราคม 2567 นายกิตติรัตน์โพสต์ชี้ว่า “ลดดอกเบี้ยให้เร็ว และมากคือทางรอด”…*…

ต้องรอดูต่อไป ว่าการแท็กทีมระหว่างนายกฯกับนายกิตติรัตน์ที่ออกมาโพสต์รัวๆ จะมีผลมากน้อยเพียงใดต่อท่าทีของธนาคารแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน ที่เพิ่งมีการประเมินเมื่อช่วงสิ้นปีก่อนว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับปัจจุบันเหมาะสมกับบริบทที่เศรษฐกิจกำลังทยอยฟื้นตัวกลับสู่ระดับศักยภาพ เอื้อให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายอย่างยั่งยืน เสริมสร้างเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว และป้องกันการสะสมความไม่สมดุลทางการเงิน อีกทั้งช่วยรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินในการรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า …*…

 ขณะที่อีกด้านหนึ่งมีคนในแวดวงการเงินพยายามออกตัวอธิบายแทนแบงก์พาณิชย์ว่าไม่ใช่ “เสือนอนกิน” รับเงินฝากโดยให้ดอกเบี้ยถูกๆ มาปล่อยกู้ดอกเบี้ยแพง ด้วยการอ้างว่าแบงก์พาณิชย์มีต้นทุนค่าบริหารจัดการอื่นๆ มากมาย ไม่ใช่ได้ประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วยจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยฝากและกู้อย่างที่มีการเข้าใจกัน แต่นั่นก็มีน้ำหนักน้อยมาก เมื่อเทียบกับข้อเท็จจริงที่ว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ในประเทศไทยสูงถึงกว่า 5-6% ขึ้นไป ผิดจากแบงก์พาณิชย์ในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสิงคโปร์และญี่ปุ่นที่มีส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ เพียงแค่ 2% อีกทั้งในรอบปีที่ผ่านมามีตัวเลขผลกำไรของกลุ่มแบงก์พาณิชย์ไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 2 แสนล้าน โดยส่วนหนึ่งมาจากประโยชน์ที่ได้รับจากการขึ้นดอกเบี้ย …*…

 จากข้อมูลดังกล่าว ทำให้หลายภาคส่วนไม่ใช่แค่เฉพาะลูกหนี้แบงก์เท่านั้นที่เห็นด้วยกับความคิดของ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช นักวิชาการทางด้านเศรษฐศาสตร์มหภาค และอดีต รมว.คลัง ที่ว่า “แบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยสูงเกินไป ทำให้เงินเฟ้อติดลบติดต่อกันมา 3 เดือนแล้ว หนสุดท้ายขึ้นดอกเบี้ย แม้เห็นตัวเลขเงินเฟ้อติดลบแล้ว ทำให้ระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรมากเกินปกติกว่า 2.2 แสนล้านบาท แต่ระบบเศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำเพียง 2.4% ในปี 66 ประชาชนยากจนลง คนไม่มีงานทำ ขายของไม่ได้ แบงก์ชาติจึงควรหันมาดูแลประชาชนให้มากขึ้น” …*…

ถึงวันนี้ หากไม่อยากได้ยินข่าวลือเรื่องปลดผู้ว่าแบงก์ชาติออกมาอีก สิ่งที่ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องเร่งทำคือส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันระหว่างแบงก์พาณิชย์ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายการลดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยกู้และฝาก ให้อยู่ในระดับเดียวหรือใกล้เคียงกับนานาอารยะประเทศ เพื่อความเป็นธรรมแก่ลูกหนี้ที่กำลังหลงเหลือลมหายใจรวยรินเต็มที

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ร.อ.ธรรมนัส  พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำ ฉู ตงหยู ผอ.ใหญ่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ และคณะ เฝ้าฯ  ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อติดตามการดำเนินงานของสำนักงานองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก และการดำเนินงานด้านเกษตรของไทย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ศ.เกียรติยศ นพ.สงคราม  ทรัพย์เจริญ ปธ.กก.มูลนิธิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร พร้อมด้วยคณะกรรมการมูลนิธิ ฯ และคณะกรรมการรางวัลชัยนาทนเรนทร นำ นักการสาธารณสุขดีเด่น ประจำปี 2566 เฝ้าฯ รับพระราชทานรางวัลชัยนาทนเรนทร

มอบรางวัล...นพ ชีวานันท์ เลขาฯ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธี และมอบโล่รางวัล เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่นักเรียนผู้แทนประเทศไทยที่ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับชาติและนานาชาติ รวมทั้งผู้บริหาร โรงเรียน ครูผู้สอน จัดโดย โครงการ ASMOPSS  Thailand โดย ไมราห์ อินเตอร์กรุ๊ป โรงเรียนกวดวิชาบ้านพีระมิด โดยมี ศรัณ อัยราน้อย มัญชุมาศ บุญชู โกคิง พล.ร.ต. ทักษิณ ฤกษ์สังเกตุ สุมิตรา ทองแสง ดร.ณัฐฌา วีระวานิช และ ดร.ธนากร แผลงเดช ร่วมงาน ที่หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ

สมทบทุน...สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา รับมอบเงินจำนวน 5 แสนบาท จาก อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย อุปนายกสมาคมสโมสรนักลงทุน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารของสมาคมฯ  เพื่อสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา ที่สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา พระราม 8 เมื่อวันก่อน

ลงนามร่วมมือ...ศ.ดร.สมหมาย  ผิวสอาด  อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เป็นประธานพิธีลงนามความร่วมมือด้านวิชาการ และนำนักศึกษาแลกเปลี่ยนปริญญาตรี โท และเอก ระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี กับ  Nantong University ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมผู้บริหารเข้าร่วมพิธี ที่ห้องประชุมมังคลอุบล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เมื่อวันก่อน

ใช้ในกิจกรรม...สุนทร - อารยา อรุณานนท์ชัย บริจาคเงิน 1 ล้านบาท ให้กับโรงพยาบาลทหารผ่านศึกเพื่อใช้ในกิจกรรมของโรงพยาบาล โดยมี พล.อ.เดชนิธิศ  เหลืองงามขำ ผอ.องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก นพ.สง่า พินิจพิชิตกุล ผอ.โรงพยาบาลทหารผ่านศึก เป็นตัวแทนรับมอบ พร้อมด้วย กนธีร์ ติรวิภาส ร่วมมอบ ที่โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน กรุงเทพฯ เมื่อวันก่อน

ช่วยผู้ประสบภัย...กรุงเทพประกันภัย โดย สมบูรณ์ การีกลิ่น พร้อมด้วยพนักงานสาขาและตัวแทนประกันวินาศภัยของบริษัทฯ ร่วมมอบถุงยังชีพซึ่งบรรจุข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่มและของใช้ในชีวิตประจำวันที่จำเป็น เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ ต.ตันหยงมัส และ ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ. นราธิวาส โดยมี วิมุตติ อำนักมณี นายอำเภอระแงะ เป็นผู้แทนรับมอบ ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอระแงะ จ.นราธิวาส

พัฒนาระบบบริการ...รศ.ดร.ทัศนา บุญทอง ประธานโครงการเสริมศักยภาพพยาบาลเพื่อพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน เป็นประธานเปิดการประชุมจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิและการดูแลสุขภาพชุมชน โดยมี ศ.เกียรติคุณ ดร.วิจิตร ศรีสุพรรณ รศ.ดร.สุจิตรา เหลืองอมรเลิศ ดร.ราศรี ลีนะกุล นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ เลอพงศ์ ลิ้มรัตน์ กิตติพงษ์ เกิดฤทธิ์ และ รศ.ดร.ขนิษฐา นันทบุตร ร่วมประชุม ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น

บรรเทาความเดือดร้อน...สาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมกับมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงานจิตอาสา ร่วมจัดถุงยังชีพ จำนวน 2,000 ชุด บรรจุด้วยอาหาร เครื่องใช้ และสิ่งของจำเป็นต่อการยังชีพ เพื่อนำไปมอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อน โดยมีตัวแทนเมืองไทยประกันชีวิตในพื้นที่ดำเนินการส่งมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยต่อไป ที่เมืองไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่