ความคึกคักที่บ้านจันทร์ส่องหล้า และพรรคเพื่อไทย กำลังกลายเป็นภาพที่ย้อนแย้งกับบรรยากาศที่พรรคก้าวไกล อย่างสิ้นเชิง ! 
 “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังจะได้รับการพักโทษ แล้วกลับมาอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า หลังจากที่ปิดมานานยาวกว่า 10ปี เมื่อ “เจ้าของบ้าน” ไม่อยู่ เช่นเดียวกับที่พรรคเพื่อไทย เมื่อพบว่าสมาชิกพรรค ต่างพากันดีอกดีใจ เมื่อ “นายใหญ่” ของพวกเขากำลังจะกลับมา 


 และนั่นย่อมหมายความว่า “ความแข็งแกร่ง” จะคืนกลับมา เหมือนกับที่พรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน เคยสัมผัสกันมาแล้ว 
 แต่เมื่อมองกลับไปที่พรรคก้าวไกล ย่อมพบว่า  กำลังเจอกับ “วิกฤต” ทั้งทางตรงและทางอ้อม ! 


 เมื่อเหตุการณ์ “ป่วน” ขบวนเสด็จ โดย “ตะวัน ทะลุวัง” กับเพื่อน นับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ จนมาถึงวันที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว ไปเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้เกิดผลกระทบต่อพรรคก้าวไกล ชนิดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 


 เพราะแม้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จะไม่ได้เป็น “นายประกัน” ให้กับ ตะวัน ทะลุวัง แล้วก็ตาม แต่เมื่อ พิธา “เคย” เป็นนายประกัน มาก่อน ย่อมถูกตั้งคำถามไม่ได้ว่า นี่คือความเชื่อมโยงระหว่างอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กับแกนนำม็อบที่มีความผิดตามมาตรา 112 และมีแนวคิดล้มล้างสถาบัน ด้วยหรือไม่ 
 ยิ่งเมื่อเกิดปรากฎการณ์ “ถวายกำลังใจ” จากพสกนิกรชาวไทย สวมใส่ชุดสีม่วงเพื่อถวายกำลังใจ” กรมสมเด็จพระเทพฯ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา  ย่อมเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นได้ว่า มีคนมากมายทั่วประเทศที่ยักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์  มีความคิดที่แตกต่างไปจากฝ่ายที่เคลื่อนไหวจาบจ้วง ดูหมิ่นสถาบันไม่ว่าจะเป็นม็อบสามนิ้ว หรือพรรคก้าวไกล 


 แรงกระทบที่กระแทกมาที่พรรคก้าวไกล ต้องถือว่าหนักหนาเอาการไม่น้อย 

ขณะเดียวกันเมื่อทักษิณ กลับเข้ามา แม้ไม่ใช่ผู้เล่นอย่างเปิดเผย แต่ต้องยอมรับว่า  จากนี้ไปพรรคเพื่อไทย จะโดดเด่น ไม่โดดเดี่ยวเมื่อเทียบกับพรรคก้าวไกลอีกต่อไป 
 ความหวังที่จะเกิดการเปลี่ยน “สูตรรัฐบาล”  คือการให้พรรคก้าวไกล จับมือกับพรรคเพื่อไทย ดูจะริบหรี่ลงทุกขณะ เพราะนาทีนี้ เชื่อเถอะว่า พรรคเพื่อไทย และทักษิณ จะเลือกมายืนกับพรรคก้าวไก ลอย่างนั้นหรือ ?