ในดีมีร้าย มีร้ายย่อมมีดี ! สถานการณ์การเมืองที่กำลังเกิดขึ้น ภายหลังจากที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 ได้รับการพักโทษ  ได้กลับเข้าสู่บ้านจันทร์ส่องหล้า ตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.67 ที่ผ่านมา ได้ดำเนินไปด้วยความเข้มข้น  เพราะมีปฏิกิริยาจากทั้งจาก “ฝ่ายหนุน” เกิดขึ้นคู่ขนานไปกับ “ฝ่ายต่อต้าน” ในคราวเดียวกัน 
 บ้านพักจันทร์ส่องหล้า เปิดต้อนรับ “แขกคนสำคัญ” อย่าง “สมเด็จฮุนเซน” ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา ซึ่งบินมาจากกัมพูชาเพื่อเยี่ยมเยียน ทักษิณ สานสัมพันธ์มิตรภาพ 32 ปีของทั้งคู่ เมื่อวันที่ 21 ก.พ.67 ที่ผ่านมา กลายเป็นปรากฎการณ์ที่กลบความคึกคักที่ ทำเนียบรัฐบาล ลงอย่างสิ้นเชิง


 สมเด็จฮุนเซน ถือเป็นแขกคนแรกที่เข้าเยี่ยมทักษิณ อย่างเป็นทางการ  โดยไม่ต้องนับ บรรดารัฐมนตรีและสส.ของพรรคเพื่อไทยที่ต่อคิวรอเข้าเยี่ยม และแน่นอนว่าภาพที่เกิดขึ้นครั้งนี้กำลังส่งผลกระทบในทางการเมืองต่อทั้งตัวทักษิณ และ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกฯคนที่ 30 ซึ่งนั่งทำงานอยู่บนตึกไทยคู่ฟ้า ในคราวเดียวกัน 


 เมื่อทักษิณ แปรเปลี่ยนจากนักโทษเทวดา ไปสู่ผู้มากบารมีตัวจริงของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลนายกฯเศรษฐา การพูดถึงการปรับครม. จึงดังขึ้นเป็นระยะๆ โดยเฉพาะในส่วนโควตาของพรรคเพื่อไทยเอง เพราะอย่าลืมว่ามี แกนนำพรรครอต่อแถวเวียนเข้าไปนั่งเป็นรัฐมนตรี รอบสองกันอีกไม่น้อย 


 ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว การปรับครม.ย่อมเกิดขึ้นได้โดยที่ไม่ต้องรอให้ทักษิณพ้นจากโรงพยาบาลตำรวจ จนกลับมาอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า ด้วยซ้ำ แต่การปรับครม.รอบใหม่หากจะมีขึ้นต้องมีผลในทาง “บวก” ต่อพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลให้มากที่สุด นอกเหนือไปจากการเวียนกันเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี 


 เพราะไม่เช่นนั้น ทุกความได้เปรียบที่พรรคเพื่อไทยมีอยู่ในมือ และการรที่ได้ทักษิณ กลับออกมาใช้ชีวิตนอกเรือนจำ จะเข้าสู่ภาวะที่เดินไปสู่ความเสียหายมากขึ้นแทน เนื่องจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากการเป็นนักโทษ ที่ได้รับสิทธิพิเศษเหนือนักโทษอีกหลายแสนคนเช่นนี้ มีแต่จะทำให้คะแนนนิยมหดหาย 


 และในจังหวะที่รัฐบาล พรรคเพื่อไทย กำลังรับมือกับแรงเสียดทานทางการเมือง เพื่อแลกกับการให้ทักษิณ กลับบ้านจนได้รับอิสระที่บ้านจันทร์ส่องหล้าอยู่นั้น อย่าลืมว่า ในอีกด้านหนึ่ง “พรรคก้าวไกล”  ที่แม้อยู่ในฐานะพรรคแกนนำฝ่ายค้าน ที่กำลังรอลุ้นกับการถูกยุบพรรค ในเร็วๆนี้หรือไม่นั้น กลับจะกลายเป็นฝ่ายที่มีโอกาสได้แต้ม เหนือพรรคเพื่อไทย 


 อย่าลืมว่า สนามการเมืองระดับท้องถิ่น ที่กำลังจะเปิดขึ้น พรรคก้าวไกล ได้ลงไปลุยภาคสนามมาก่อนหน้านี้แล้ว  นอกจากนี้ ในจังหวะที่ทักษิณทำให้พรรคเพื่อไทยเสียหาย จากปมนักโทษเทวดา และซ้ำตามมาด้วยกระแสข่าว “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกฯ เตรียมตัวกลับบ้านตามหลังพี่ชายของเธอเอง 


 ด้วยปัจจัยที่เป็นบวกต่อครอบครัวชินวัตร แต่กลายเป็น “ลบ” ต่อรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย อย่างต่อเนื่องเช่นนี้ พรรคก้าวไกล จึงกลายเป็นฝ่ายที่มีจังหวะ “ทำแต้มต่อ”  ชูการเมืองใหม่ นำหน้าไปอย่างที่เห็น !