ก่อนเดินทางไปปฏิบัติภารกิจ เยือน3 ประเทศใช้เวลากว่า 10 วัน “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง วางปฏิทินรัฐบาลเอาไว้ว่าในราวกลางเดือนมีนาคมนี้ รัฐบาลเตรียมจะแถลงผลงาน ในรอบ 6เดือนกันแล้ว 


 โดยการแถลงผลงานรัฐบาล ครั้งนี้แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่กำลังจะกลายเป็น “วาระร้อน”  เมื่อรัฐบาลต้องชิงนำเสนอ “ผลงาน” ต่อสาธารณชน ก่อนที่การเมืองจะเดินไปถึงวาระของการถูกซักฟอก จากทั้ง “วุฒิสภา” และ “พรรคฝ่ายค้าน”  ในห้วงเวลาไล่เลี่ยกัน 


 วุฒิสภา ได้วันอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 153 แล้ว ในราววันที่ 25 มีนาคม ส่วนฝ่ายค้าน มีมติร่วมกัน ไปหมาดๆเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา ว่ายื่นซักฟอกรัฐบาล โดยใช้มาตรา 152  ไม่มีการลงมติเช่นกัน โดยจะมีการยื่นญัตติต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร อย่างเป็นทางการในวันที่ 13 มีนาคมนี้ 


 และคาดว่า เวลาที่เหมาะสม น่าจะอภิปรายฯรัฐบาล ราวหลังจากการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 ในวาระ 2 และ 3 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาในวันที่ 27-28 มีนาคมโดยสามารถอภิปรายได้ในสัปดาห์ถัดไป หรือช่วง 3-4-5 เมษายน นี้ เรียกว่าหวุดหวิดเฉียดฉิว จะปิดสมัยประชุมสภาฯ กันเพียงไม่กี่วัน 
 ดังนั้นหมายความว่า ไทม์ไลน์ของรัฐบาล คือการโชว์ผลงานในรอบ 6เดือน จะมีขึ้นในราวกลางเดือนมีนาคมนี้ ภายหลังจากที่นายกฯเศรษฐา เดินทางกลับถึงประเทศไทยในวันที่ 13 มีนาคมนี้ และกว่าที่การซักฟอกของฝ่ายค้านจะมีขึ้นในต้นเดือนเมษายน ความคืบหน้าจาก “นโยบายแจกเงินหมื่น” ในการผลักดันนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ของพรรคเพื่อไทย ที่ได้หาเสียงเอาไว้ ก็น่าจะมีความคืบหน้า ให้เห็นพอที่จะหยิบมาใช้ชี้แจงฝ่ายค้านกลางสภาฯ 


 แม้การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล จากทั้งวุฒิสมาชิก และฝ่ายค้านจะไม่มีการโหวตลงมติ เพื่อนำมาสู่การเปลี่ยนแปลง “ทางตรง” ต่อการปรับเก้าอี้รัฐมนตรีในครม. ของพรรคใด พรรคหนึ่งหรือไม่ก็ตาม แต่ศึกในสภาฯ ทั้งสองเวทีรอบนี้ ดูเหมือนว่า “พรรคเพื่อไทย” เอง มีแนวโน้มที่จะตกเป็น “เป้าโจมตี” มากกว่าพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นๆ 
 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ วันนี้ทั้ง “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” อดีตนายกฯจากครอบครัว “ชินวัตร” ได้กลายเป็น “สาเหตุใหญ่” ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยบอบช้ำและเสียหายอย่างรุนแรง ยิ่งเมื่อทักษิณ ได้กลับประเทศไทย เข้าสู่การพักโทษ และเตรียมเดินสายไปต่างจังหวัด ประกอบกับการกระแสข่าวว่ายิ่งลักษณ์ เตรียมเดินทางกลับไทย ตามหลังพี่ชาย ล้วนมีขึ้นในห้วงเวลา 6 เดือนหลังการจับมือข้ามขั้วกันตั้งรัฐบาล โดย “พรรคเพื่อไทย” !