เรื่องด้านลบของ “ธุรกิจท่องเที่ยวศูนย์เหรียญของทุนจีน” นั้น เป็นเรื่องน่าปวดหัวมานานแล้ว แรก ๆ ก็ก่อปัญหาทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยของคนไทยไม่ดีในสายตาคนจีน การหลอกขายจีเวลลี , การลอยแพนักท้องเที่ยว ฯ ต่อมาเมื่อนายทุนจีนสามารถขยายเครือข่ายธุรกิจท่องเที่ยวครบวงจรแล้ว ก็เลยกลายเป็นว่าเมืองไทยแทบไม่ได้กำไรอะไรเลยจากนักท่องเที่ยวจีน ปีนี้รัฐบาลไทยใช้มาตรการค่อนข้างเด็ดขาด แล้วข่าวตามมาว่า นักท่องเที่ยวจีนลดจำนวนฮวบฮาบ จะโจมตีรัฐบาลในเรื่องนี้กันอีก แต่ข่าวชวนกังวลมากกว่านั้น เราเห็นว่าแหล่งท่องเที่ยวในไทยจะรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวได้เพียงใด แหล่งท่องเที่ยวไทยจะสามารถ “ยั่งยืน” ได้ตลอดไปหรือไม่ เพราะเราย่ำยีทำลายธรรมชาติของแล่งท่องเที่ยวกันหนักหนาสาหัสเกินไปแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนเศรษฐกิจไทยจะหวังพึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวอยู่มากทีเดียว คนไทยจำนวนมากเชื่อว่า ถ้าหากการท่องเที่ยวประเทศไทยโดยชาวต่างชาติหดตัวลงไป สังคมไทยจะล่มจมวอดวายสิ้นสลายไปแน่ ๆ การพัฒนาเศรษฐกิจไทยในรอบหลายสิบปีมานี้ ส่งผลให้ ประเทศไทยต้องพึ่งพา 2 สิ่งเท่านั้น คือ 1. การรับจ้างประกอบผลิตภัณฑ์ แล้วก็หลอกตัวเองว่าเป็นสินค้าส่งออกชั้นนำที่ผลิตโดยคนไทย 2. ขายการท่องเที่ยวประเทศไทย ซึ่งก็รวมถึงการขายตัวเด็กชายและเด็กหญิงไทยด้วย ถ้าชาติไทยขาดสองสิ่งนี้ คนไทยจะวายวอด อยู่กันไม่ได้ ? เราอยากถามว่า การพึ่งพาสองสิ่งข้างต้น เป็นหนทางอยู่รอดของประเทศไทยหนทางเดียวเท่านั้นหรือ ? ทุกสรรพสิ่งมีสองด้าน มีด้านดีก็ต้องมีด้านเสีย มีด้านบวกก็มีด้านลบ การท่องเที่ยวของคนต่างด้าวก็เช่นเดียวกัน เมื่อเชื่อเสียงอันดีของแหล่งท่องเที่ยวของเมืองไทยนี้กระจายออกไป นักท่องเที่ยวก็ยิ่งพากันมาเมืองไทยมากขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นนั้นเอง ก็ยิ่งเป็นเครื่องดึงดูดคนทุจริตให้เข้าไปหากินกับนักท่องเที่ยวมากขึ้น จะว่าคนทุจริตเป็นผู้ทำลายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเมืองไทยก็ว่าได้ แต่ในขณะเดียวกันก็จะกล่าวว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้น มีลักษณะเป็นเครื่องทำลายตัวเองอยู่แล้วก็ว่าได้อีกเช่นเดียวกัน......... เรื่องมีอยู่นิดเดียวว่า สถานที่ใดซึ่งคนยังไม่ไปเที่ยวมากสถานที่นั้นก็น่าเที่ยวกว่าสถานที่ซึ่งคนไปเที่ยวกันมากแล้ว พูดให้ชัดเข้า นักท่องเที่ยวนั้นเอง คือผู้ที่เข้ามาทำลายความน่าเที่ยวของเมืองไทยให้หมดลงไป ถ้าหากว่านักท่องเที่ยวจะมาเที่ยวเมือวงไทยน้อยลง นักท่องเที่ยวก็คงจะไปเที่ยวที่ประเทศที่ประเทศอื่นมากกว่า เมื่อนักท่องเที่ยวไปที่ประเทศอื่นมากกว่าเช่นนี้ ในที่สุดสถานการณ์ในประเทศนั้นก็จะต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี ส่วนในประเทศไทยนั้นเมื่อนักท่องเที่ยวมีน้อยลง สถานการณ์ก็จะดีขึ้น นักท่องเที่ยวก็จะย้ายจากประเทศที่ไม่ดี กลับมาเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งดีขึ้นแล้วต่อไปอีก หมุนเวียนกันกันอย่างนี้