มีข่าวดีมาบอกกันบ้าง ท่ามกลางข่าวการเมืองเคร่งเครียด โดยเป็นข่าวที่ได้รับการเปิดเผยจากนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  อ้างถึงประกาศผลดัชนีโอกาสด้านการลงทุนระดับโลก (Global Opportunity Index) หรือ GOI ซึ่งจัดทำโดย Milken Institute สหรัฐอเมริกา ที่ผลปรากฏว่า  ไทยครองอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย (Emerging and Developing : E&D) ที่น่าลงทุนที่สุด(https://milkeninstitute.org/report/global-opportunity-index-2024

โดย ดัชนี GOI นั้น จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลแก่นักลงทุนทั่วโลกที่มองหาโอกาสในการลงทุนในต่างประเทศ และให้ข้อมูลแก่ประเทศต่างๆ ที่ต้องการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ โดยดัชนีนี้อิงตามตัวชี้วัด 100 รายการ แบ่งออกเป็น 5 หมวดหมู่ ได้แก่ 1. การรับรู้ทางธุรกิจ 2. พื้นฐานทางเศรษฐกิจ 3. บริการทางการเงิน 4. โครงสร้างเชิงสถาบัน และ 5. มาตรฐานและนโยบายระหว่างประเทศ 

ทั้งนี้ ประเทศไทย อยู่ในอันดับ 2 ในกลุ่ม E&D ในภูมิภาคเอเชีย โดยอันดับ 1-5 กลุ่ม E&D ในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ มาเลเซีย ไทย จีน อินโดนีเซีย และเวียดนาม ส่วนในอันดับโลก ไทยอยู่ในอันดับ 37 ทั้งนี้ กลุ่ม E&D ในภูมิภาคเอเชีย รายการการรับรู้ทางธุรกิจไทยอยู่อันดับ 21 ในพื้นฐานทางเศรษฐกิจ อยู่อันดับ 22 บริการทางการเงินอันดับ 29 โครงสร้างเชิงสถาบันอันดับ 51 และมาตรฐานและนโยบายระหว่างประเทศอันดับ 68 โดยประเทศที่น่าลงทุนที่สุดในโลกได้แก่ เดนมาร์ก

โดยตามรายงาน ประเทศในกลุ่ม E&D ในภูมิภาคเอเชีย มีผลประกอบการที่ดีกว่าภูมิภาคอื่น ดึงดูดเงินทุนมากกว่าครึ่งหนึ่ง (53.2%) ไหลเข้าสู่ประเทศ E&D ระหว่างปี 2018-2022 เพิ่มส่วนแบ่งใน E&D มากขึ้น 7.3% จาก 45.9% ระหว่างปี 2013-2017

แน่นอนว่า การที่ไทยมีชื่ออยู่ในอันดับต้นๆของกลุ่มประเทศที่น่าลงทุน ย่อมเป็นประโยชน์ในการดึงดูดนักลงทุน เพื่อขยายโอกาสทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย  และโอกาสการพัฒนาในด้านต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ผลพวงของการจัดอันดับดังกล่าว เป็นผลดีต่อรัฐบาลเศรษฐา  แม้จะเข้ามาบริหารประเทศเพียง 6 เดือนและยังไม่ได้ใช้งบประมาณ  หรือแม้กระทั่งภาพการเดินทางไปต่างประเทศ สวมบท “เซลล์แมน”ของนายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ

แต่หากพ้นช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานทางการเมือง โดยไม่เกิดความผันผวนและเปลี่ยนแปลง  โอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะประคองความมั่นคงในเก้าอี้นายกรัฐมนตรีและประคับประคองเศรษฐกิจไปได้ ก็พอเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์