ดูเหมือนว่าดรามาทางการเมือง ที่เกิดขึ้นระลอกแล้ว ระลอกเล่า จะทำให้ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ 
 ทั้งการเผชิญหน้ากับปฏิบัติการซักฟอกรัฐบาล ในรอบ 7เดือน โดย ฝ่ายค้าน นอกจากจะไม่ได้ฝากแผล เพื่อให้ ขยายผล กันต่อนอกสภาฯ แล้ว ยังกลายเป็นว่า ตัวนายกฯเศรษฐา กลับทิ้งบอมบ์ใส่ ประชาธิปัตย์ จนแทบเสียขบวน ด้วยประเด็นปริศนา มีคนไปขอร่วมรัฐบาลที่ผ่านมา


 ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ต้องดาหน้าออกมาตอบโต้กันดุเดือด  กลายเป็น ควันหลง หลังศึกซักฟอก นอกจากนี้ยังพบว่า นายกฯยังสามารถ เอาตัวรอด สวนฝ่ายค้าน แลกหมัดต่อหมัดไม่มีถอย ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันปิดฉากการประชุมสภาฯ 


 ทว่าสิ่งที่เป็นเงื่อนปม และกลายเป็นของแสลงที่ ทำพิษ เขย่า ทั้งนายกฯและพรรคเพื่อไทย น่าจะเป็นเพียงเรื่องเดียวกัน นั่นคือความชัดเจนจาก โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ตามที่หลายฝ่ายรอฟัง รัฐบาลแถลงในวันที่ 10 เม.ย.นี้ แม้ก่อนหน้านี้สื่อพยายามถามถึงเรื่องดังกล่าว แต่นายกฯ ย้ำว่าให้รอฟัง พร้อมกันในวันที่10 เม.ย. เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน 


 อย่างไรก็ดี การผลักดันโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต คนละ 1หมื่นบาท ไม่เพียงแต่ ฝ่ายค้าน นักวิชาการ  นักการเงิน ต่างรอรับฟังว่า ที่สุดแล้ว แหล่งเงิน ที่จะนำมาใช้นั้นจะมาจากที่ใด และจะมีการลดเงื่อนไข ลดกรอบโครงการลงมาด้วยหรือไม่  และล่าสุด อย่าลืมว่า ประชาชนต่างเฝ้ารอและทวงถามไปยังนายกฯ ในทุกๆพื้นที่ ที่ยกคณะรัฐมนตรีไปเยือน 


 ขณะที่ฝ่ายค้าน อย่างพรรคก้าวไกล เองที่อภิปรายฯแสดงความห่วงใยในวาระการซักฟอกรัฐบาลที่เพิ่งจบลงไป ว่า ยังไม่มั่นใจว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จะสามารถออกมาได้ทันในไตรมาส 4 ตามที่รัฐบาลได้ประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ เพราะประเด็นที่ยังเป็นปัญหาที่ รัฐบาลเองก็ยังตอบไม่ได้ว่าเม็ดเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการนี้ อยู่ที่ 5แสนล้านบาทนั้นจะมาจาก แหล่งใด  หากไม่ออกเป็นพ.ร.บ.กู้เงิน  


 เพราะหากทำเช่นนั้นจริง ปัญหาใหม่จะตามมาทันทีว่า พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล ทำผิดกฎหมายตามที่ได้หาเสียงเอาไว้หรือไม่  เพราะจะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการกการเลือกตั้ง (กกต.) ตามมา เพื่อตรวจสอบ เพราะก่อนหน้านี้แม้จะมีการเรียกร้องให้กกต.ดำเนินการกับพรรคเพื่อไทย แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจาก รัฐบาลเองยังไม่มีความชัดเจนว่าได้ทำผิดต่อกฎหมายพรรคการเมือง ไปแล้วหรือไม่ เพราะโครงการที่หาเสียงเอาไว้ ยังได้เริ่ม นับหนึ่ง 


 ดังนั้น 10 เม.ย.นี้ จึงเป็นวาระร้อนๆ ที่จะมีผลในทางการเมืองต่อพรรคเพื่อไทย และมีผลต่อการบริหารงานของรัฐบาลตามมา  ประกอบกับการปรากฏตัวของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่ออกมาสู่ที่แจ้ง อย่างจงใจ ก็เคยถูก ตีความ มาแล้วด้วยว่า จะยิ่งทำให้ดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงินคนละ 1หมื่นบาท ต้อง แจ้งเกิด เท่านั้น เพราะนโยบายนี้ คือ พลุ ทางการเมือง ที่พรรคเพื่อไทยประเมินแล้วว่า นี่คือ จุดแข็งที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงทั้งในทางการเมืองและอายุของรัฐบาลไปพร้อมๆกัน