เสรี พงศ์พิศ

Fb Seri Phogphit

สุริยุปราคาเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับชาวโลก แม้แต่ประเทศพัฒนาแล้ว ก็ยังรอคอยด้วยความระทึก และหลายที่ยังมีพิธีกรรมสวดมนต์ รำลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถึงความตาย เหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมาที่อเมริกาเหนือเห็นเต็มที่ ที่อเมริกากลางเห็นบางส่วน

สุริยุปราคาและจันทรุปราคาเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ โลก โคจรมาตรงกันทำให้เกิดเงา แต่ทั่วโลกปีหนึ่งอาจเกิดหลายครั้งในต่างพื้นที่ และไม่ใช่ทุกครั้งที่เห็นแบบเต็ม

วันนี้คนยุคใหม่ส่วนใหญ่คงไม่ค่อยใส่ใจเท่าใดแล้ว แต่คนโบราณยังถือ บรรดาโหราจารย์และหมอดู และบรรดาสายมูยังให้ความสำคัญและมีการตีความ อ่านความหมายไปหลายแบบ ตามด้วยพิธีกรรมต่างๆ

คนโบราณถือว่า ราหูอมดวงอาทิตย์จึงเกิดสุริยคราส ราหูอมจนทร์ เกิดจันทรคราส เชื่อว่าเป็นลางร้าย จะเกิดโชคไม่ดี จะมีปัญหาต่างๆ บางชนชาติถือว่าเป็นการลงโทษของเทพเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คนโบราณพากันตีเกราะเคาะไม้ไล่ราหู ไม่ให้เกิดโชคร้าย

อย่างสุริยคราสที่อเมริกาครานี้ มีโหราจารย์และหมอดูกลัวว่าจะเกิดสงครามใหญ่ในปีนี้ และเกี่ยวข้องกับอเมริกาที่เห็นกันเต็มที่ ที่ยุโรปสามารถเห็นได้น้อย จะเห็นเต็มที่ในปี 2026 หมอดูบอกว่าคือปีแตกหัก

โหราศาสตร์อยู่คู่กับคนไทยมาแต่โบราณ เช่นดียวกับผู้คนวัฒนธรรมต่างๆ ที่ดวงดาวมีความสัมพันธ์กับชีวิตของคน สังคมและโลก จนบางกรณีเรียกว่า “กำหนด” ความเป็นไป ความเป็นความตายเลยทีเดียว

คิดถึงอาจารย์เปรื่อง เปลี่ยนสายสืบ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากรผู้ล่วงลับ ผู้ศึกษาการ “ดูดวง” จากอาจารย์ “น. ณ ปากน้ำ” (ประยูร อุลุชาฎะ) จิตรกร ศิลปินแห่งชาติ ผู้มีชื่อเสียงทางโหราศาสตร์ด้วย อาจารย์เปรื่องศึกษาตำราจากสมัยกรุงศรีอยุธยา และพยายามพิสูจน์ตำราเหล่านั้นว่า วันนี้ที่บริบทชีวิตและสังคมเปลี่ยนไป ยังแม่นยำอยู่หรือไม่เพียงใด

อาจารย์เปรื่องดูดวงอาจารย์ นักศึกษา บุคคลทั่วไป บนโต๊ะมีกองสมุดเล่มโต บันทึกการดูดวง หลายเดือนหรือหนึ่งปีหลังจากนั้นก็ขอให้ไปพบท่านอีกเพื่อบอกว่า สิ่งที่ได้ “ทำนาย” ไว้นั้นถูกผิดอย่างไร

โหราศาสตร์มักถูกเรียกว่า “วิทยาศาสตร์ปลอม” เพราะไม่ใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการอธิบายปรากฏการณ์ของดวงดาว และไปผูกกับชีวิตคนและโลก แต่ก็ต้องยอมรับว่า เป็นภูมิปัญญาโบราณที่ทำให้เกิด  วัน เดือน ปี ปฏิทิน เกิดเทศกาลงานประเพณีต่างๆ ในแต่ละวัฒนธรรมเก่าแก่ ที่ยังใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้

การที่จะนับว่าโหราศาสตร์เป็น “ไสยศาสตร์” อาจเป็นการด่วนสรุป เพราะถ้าไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เร้นลับต่างๆ ในชีวิตได้ ป่านนี้คนคงเลิกเชื่อถือกันไปแล้ว แต่ก็เหมือนภูมิปัญญาโบราณทั้งหลายที่มีข้อจำกัด

ในสมัยกรุงศรีอยุธยา บาทหลวงตาชาร์ด มิชชันนารีชาวฝรั่งเศสบันทึกไว้ว่า ให้เป็นที่ประหลาดใจยิ่งนัก ที่โหราจารย์ไทยสามารถทำนายสุริยุปราคาผิดไปแค่ชั่วโมงเดียว ท่านไม่ได้บอกว่า ดาราศาสตร์ของตะวันตกที่เชื่อว่าโลกกลมและมีคนละโลกทัศน์วิธีคิดทฤษฎีนั้น ทำนายผิดหรือถูกอย่างไร

ที่หว้ากอ ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2411 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงคำนวณการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงล่วงหน้าถึง 2 ปี โดยทรงแสดงประปรีชาสามารถในการใช้ดาราศาสตร์ประยุกต์ ซึ่งโหราจารย์สยามเองก็ไม่สามารถทำนายสุริยคราสนั้นได้

โหราศาสตร์เป็นภูมิปัญญาโบราณที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยอาศัยประสบการณ์ การสังเกต การคำนวณ เปรียบเป็น “อัลกอริทึม” วิชาสถิติประยุกต์ของบรรพชน คนละวิธีคิด คนละสมการ คนละตรรกะกับวิชาการทันสมัยของโลกดิจิทัลวันนี้

โหราศาสตร์ยังมีความหมายสำหรับคนจำนวนมาก เพราะตอบคำถามหลายอย่างที่วิทยาศาสตร์แขนงใดยังตอบไม่ได้ ไม่คิดเหมือนโหราศาสตร์ว่า สรรพสิ่งสัมพันธ์กันหมด เด็ดดอกดอกเดียวกระเทือนถึงดวงดาว

ผู้รู้ทางโหราศาสตร์อธิบายว่า การทำนายที่คลาดเคลื่อนส่วนหนึ่งเป็นเพราะดวงดาวเคลื่อนที่ อาจคนละความหมายกับดาราศาสตร์วันนี้ที่พบว่า ดวงดาวนับล้านล้านดวงในจักรวาลไม่ได้หยุดนิ่ง แต่เคลื่อนที่เร็วมาก

อันเป็นแนวคิดเกือบร้อยปีก่อนของนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์บาทหลวงจอร์จ เลอแมตร์ ชาวเบลเยียมผู้ “ค้นพบ” ว่า จักรวาลขยายตัว (expanding universe) ด้วยความเร็วสูง โดยได้ประยุกต์ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ กาแล็กซีและดวงดาวต่างๆ จึงไม่ได้อยู่กับที่อย่างที่เข้าใจกันตลอดมา

ยิ่งเมื่อมีกล้องโทรทรรศน์ที่มีพลังสูงอย่าง “ฮับเบิล” และล่าสุด “เจมส์ เวปป์” ก็ยิ่งทำให้โลกได้รับรู้ กำเนิดของจักรวาลเมื่อ 13,800 ล้านปีก่อน เกิดเป็นดวงดาวเมื่อ 13,500 ล้านปี ไม่กี่ร้อยล้านปีหลังบิ๊กแบ็ง

ฟิสิกส์ดาราศาสตร์ยังมีข้อมูลอีกมากมายให้เราได้รับรู้เกี่ยวกับจักรวาล ที่อาจไม่ใช่ “เอกภพ” แต่อาจเป็น “พหุภพ”  มีมากกว่า 2 ล้านล้านกาแล็กซี่ ที่มีดาวไม่รู้กี่ล้านล้านล้านดวง มีเรื่องหลุมดำ มีดวงดาวที่คล้ายกับโลกอีกหลายดวง ที่อาจจะมีสิ่งมีชีวิตและมี “มนุษย์ต่างดาว” อาศัยอยู่

ดวงดาวไกลโพ้นคงก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจนอาจมองเราเหมือน “มนุษย์ยุคหิน” เพราะมนุษย์ต่างดาวสามารถเดินทางไปมาเหมือน “จิตสั่ง” เมื่อ “ที่และเวลา” (space-time) กลายเป็นเรื่องเดียวกัน ทำให้เดินทางไกลเป็นล้านปีแสงได้ วันนี้แค่ไปดาวอังคาร 140 ล้านไมล์มนุษย์ยังใช้เวลาตั้ง 9 เดือน

ไม่ว่าดวงดาวจะไม่อยู่ที่เดิม จักรวาลจะเคลื่อนขยาย คนไทยเรายังอยู่ในวัฒนธรรมสองกระแส สองวิธีคิด ทั้งโหราศาสตร์และดาราศาสตร์ ทั้งวิทยาศาสตร์และภูมิปัญญาโบราณต่างก็มีคุณค่าและความหมายคนละแบบ อยู่ที่ว่าเราจะใช้อย่างไร เพื่ออะไร