แสงไทย เค้าภูไทย หนังสือพิมพ์ Financial Times วิจารณ์ไทยเป็นคนป่วยแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยเหตุผล 4 ปมด้อยทางเศรษฐกิจ ทั้ง จีดีพี ส่งออก บริโภคภายในประเทศต่ำ หนี้พอกพูน อันที่จริงควรรวมด้านความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่ไทยครองอันดับ 1 ของโลกตามด้วยด้านสังคมความยุติธรรมเข้าไปด้วย ไทยก็จะเป็น คนป่วยแห่งเอเชีย (The Sick Man of Asia) คนใหม่ หนังสือพิมพ์ ไฟแนนเชียลไทม์ส แห่งอังกฤษ พิมพ์บทวิเคราะห์วิจารณ์ไทยในชื่อเรื่อง Thailand remains the sick man of South-east Asiaในฉบับประจำวันที่ 26 มิ.ย.2019 โดยชี้ว่า ไทยความอ่อนด้อยใน 4 ด้านคือ GDP โตช้า โดยล่าสุด โต 2.8% ต่ำสุดในรอบ 4 ปีและต่ำสุดในหมู่เพื่อนบ้าน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซียและฟิลิปปินส์ ส่งออกหดตัว โดยไตรมาสที่ 1 ติดลบ เหลือ 2.5% โดย 5 ปีหลังสุดโตเฉลี่ย 2% สัดส่วนในจีดีพีลดลง 10.1% การใช้จ่ายในประเทศที่เคยมีสัดส่วนถึง 52% ของจีดีพี ลดหลือ 47% หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น จาก 30% เมื่อ 5 ปีก่อนเป็น 34% ของจีดีพีและแนวโน้มเป็น 40% ใน 4 ปีข้างหน้า เรื่องหนี้นั้น หนี้ครัวเรือนทำสถิติสูงสุดจนติดอันดับโลก ตัวเลขเมื่อสิ้นปี 2561 12.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% คิดเป็น78.6%ของจีดีพี ติดอันดับ 10 ของโลกในบรรดา 89 ประเทศในทำเนียบหนี้ครัวเรือนโลก สูงสุดในรอบ 5 ปี ไทยมีหนี้ทั้งครัวเรือนและหนี้สาธารณะรวมกัน 6.9 ล้านล้านบาท เป็นหนี้รัฐบาล 5.646 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ 925,701 ล้านล้านบาท ประเทศไทยครองอันดับ 1 ประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก คนไทยแค่ 1% ( 500,000 คน)มีทรัพย์สิน 66.9% ของทรัพย์สินรวมกันทั้งประเทศ จากปีก่อน 1% ครอบครองทรัพย์สิน 58 % (อ้างถึงรายงานของCS Global Wealth Report 2018 เผยแพร่เมื่อเดือนตุลาคม 2561) คนไทยจนที่สุดมีอยู่ 10% ( 6 ล้านคน)ของประชากรทั้งหมด ครอบครองทรัพย์สิน 0% อีก 50% (25 ล้านคน) ครอบครองทรัพย์สิน 1.7%ระดับพออยู่ได้ 70% (35 ล้านคน)มีทรัพย์สิน 5% รวมแล้ว คนที่มีรายได้และทรัพย์สินระดับพออยู่ได้จนถึงระดับกระเสือกกระสนมีอยู่ราว 31 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งหมด 66.4 ล้านคน ความสูญเสียทางเศรษฐกิจเหล่านี้ สาเหตุใหญ่ที่สุดมาจากการคอร์รัปชันทุกระดับในวงการรัฐบาลไปจนถึงระบบราชการ สาเหตุของการทุจริตคอร์รัปชันส่วนใหญ่มาจาก กฎหมายที่เปิดโอกาสให้สามารถใช้ดุลพินิจเอื้อต่อการทุจริตคอร์รัปชันถึง 18.8% รองมาเป็นเรื่องของ กระบวนการทางการเมืองที่ขาดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ยาก 15.6% ดร.เสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจ ดัชนีคอร์รัปชันไทยเดือนธันวาคม 2560 พบว่า ความรุนแรงของปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในยุครัฐบาล คสช. เพิ่มขึ้นถึง 37% สูงสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2558 คาดว่าสถานการณ์ทุจริตคอร์รัปชันในปี 2561 จะเพิ่มขึ้นเป็น 48% ทั้งๆที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ประกาศปราบคอร์รัปชันเกือบทุกวัน แต่การคอร์รัปชันในยุค คสช.กลับไม่ลด แถมยังทำสถิติสูงสุดใหม่ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินว่าการทุจริตภาครัฐทำความเสียหายให้แก่ประเทศชาติถึง 100,000-200,000 ล้านบาทต่อปี โดยเฉพาะในปีงบประมาณ 2561 วงเงินงบประมาณ 2.9 ล้านล้านบาท หากระดับการกินนอก กินใน กินตามน้ำ 5-15% ของวงเงินงบประมาณ ก็จะเสียไปกับการคอร์รัปชั่นระหว่าง 145,000 – 435,000 ล้านบาท ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป จากคนป่วยแห่งอาเซียน ไทยก็จะยกระดับเป็นคนป่วยแห่งเอเชียภายในไม่เกิน 4 ปีข้างหน้าอย่างเต็มภาคภูมิ