ปัญหาใหม่ที่สังคมประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ขณะนี้คือ แนวโน้มความเสื่อมศรัทธาต่อสถาบันทางสังคม โดยเฉพาะทางด้านการเมือง (ระบบเลือกตั้ง) เศรษฐกิจ (ภาคการเงิน) และวัฒนธรรม (สถาบันสื่อสารมวลชน) อาการเสื่อมศรัทธานี้จะทำให้มนุษย์ขาดคามไว้วางใจกันและกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอดีต ปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่เป็นพื้นฐานให้สังคมจะสงบและเจริญงอกงามคือ “ความไว้เนื้อเชื่อใจ”กันของคนในสังคม/ชุมชน “ความไว้เนื้อเชื่อใจ” ทางสังคมมีสองลักษณะ ได้แก่ ความไว้เนื้อเชื่อใจแบบทั่วไป (Generalize Trust) กับ “ความไว้วางใจกันแบบเฉพาะเจาะจง” ความไว้เนื้อเชื่อใจกันแบบทั่วไปของคนในสังคมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเป็นพื้นฐานที่จะทำให้สังคมโดยรวมสามารถเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน เกิดความร่วมมือร่วมใจกันพัฒนา เสริมสร้างความสามัคคี ส่วน “ความไว้วางใจกันแบบเฉพาะเจาะจง” เป็นเรื่องเฉพาะกลุ่ม เฉพาะพวก มีการเกื้อคประโยชน์กันในวงจำกัด ความไว้เนื้อเชื่อใจแบบเฉพาะเจาะจงรุนแรงขึ้นในสังคมไทย ย่อมส่งผลให้คนเห็นแก่ตัวและเห็นแก่พวกพ้องมากกว่ามองถึงสังคมโดยรวม การปฏิรูปสังคม หรือแม้แต่การพัฒนาตามปกติ ต่างก็ล้วนจะมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สังคมดีขึ้นการเปลี่ยนแปลงทุกเรื่องย่อมจะมีผู้เสียประโยชน์และได้ประโยชน์ ถ้าหากสังคมมีอาการป่วยทางด้านขาดความไว้เนื้อเชื่อใจกันโดยทั่วไป ก็จะทำให้ผู้ที่เสียประโยชน์คิดว่าจะไม่ได้รับการดูแล ไม่ถูกจัดสรรผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม มิติแรก การขาดความไว้เนื้อเชื่อใจแบบทั่วไปทำให้การประสานงานล้มเหลว (coordination failure) ในเกือบจะทุกระดับของสังคมไทย ประเทศไทยเดินหน้าไม่ได้ถ้าเราไม่สามารถแก้ไขปัญหาความล้มเหลวของการประสานงานได้อย่างเป็นรูปธรรม มิติที่สอง เราคงต้องคิดว่าจะปรับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างไร ที่จะทำให้คนไทยไม่เห็นแก่ตัวเพิ่มขึ้นเมื่อรวยขึ้น เรามีตัวอย่างจำนวนมากของคนที่ยิ่งรวย ยิ่งโกง ยิ่งเห็นแก่ตัว ถ้าปล่อยไว้เช่นนี้แล้ว เศรษฐกิจไทยจะเปราะบางมาก พร้อมที่จะเกิดวิกฤติล้มลงได้ง่าย ความเห็นแก่ตัวเป็นรากฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจทุนนิยม แต่ความโลภและความเห็นแก่ตัวที่เกินควรก็ทำให้ระบบทุนนิยมพังได้เช่นกัน มิติที่สาม ซึ่งเป็นมิติที่สำคัญมาก การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและสถาบันจะต้องเริ่มที่ผู้นำ ผู้นำจำนวนมากในสังคมไทยปัจจุบันที่เราไม่รู้ว่าจะเชื่อถือได้อย่างไร หลายคนยิ่งรวย ยิ่งขี้โกง หลายคนเจตนาพูดโกหกอ้างว่าเป็น ไวท์ไลน์ หรือเจตนาพูดไม่หมดเพื่อให้คนหลงเชื่อคล้อยตาม เรื่องของผู้นำเป็นเรื่องที่โยงถึงระบบของการได้มาซึ่งผู้นำของประเทศด้วย ระบบการเมืองไทยเป็นระบบที่นิยมความไว้เนื้อเชื่อใจเฉพาะพวกพ้องมากกว่าความไว้เนื้อเชื่อใจแบบทั่วไป นักการเมืองนิยมมองสั้นๆ แค่หาทางให้ชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไป ผู้นำการเมืองไทยมักมีฐานมาจากการทำธุรกิจที่อิงอำนาจรัฐเพราะเงินเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ชนะการเลือกตั้ง วัฒนธรรมของสังคมไทยหลายเรื่องกำลังเสื่อมลง และหลายเรื่องที่เสื่อมลงกำลังถูกทำให้กลายเป็นสถาบัน ที่เลวร้าย ซื่งจะปรับเปลี่ยนได้ยากในอนาคต อย่ามองข้ามวิกฤติในขณะนี้ เพระมันเป็นปรากฏการณ์ที่งอกขึ้นจากราก “ความไม่ไว้วางใจต่อกันและกัน” ของมนุษยชาติ